โฆษณาชิ้นนี้บอกอะไรกับคุณบ้าง??
..........ก็เป็นแค่โฆษณา
..........ก็แค่เกิดกับครอบครัวเดียวไม่เห็นมีอะไรเลย
..........เป็นเรื่องของคนอื่นไม่เกี่ยวข้องกับเราสักหน่อย
..........ก็เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แต่ถ้าครอบครัวเราไม่มีคนเล่นพนันก็ไม่ต้องกังวลอะไรอยู่แล้ว
..........ดูหน้าตาฉลาดแบบนี้ไม่น่าติดพนันจนเสียครอบครัวเลย (ออกสงสารมากกว่า)
คุณคิดว่าถ้าผู้ชายในวีดีโอไม่ติดการพนัน ครอบครัวจะเป็นอย่างไร??
ลองนึกขำๆซิว่าถ้าคนส่วนใหญ่ของสังคมเป็นนักพนันแบบนี้หละจะเป็นอย่างไร ไม่แค่ครอบครัวจะพัง สังคมก็จะพังไปด้วย มันจะเป็นอย่างไรถ้าเราเดินอยู่แล้วมีคนมาจี้หรือปล้นนำทรัพย์สินของเราไป จากที่เป็นปัญหาของครอบครัวอื่นที่เราไม่สนใจก็จะกลายมาเป็นปัญหาของเราแล้วหละ ถ้าเป็นปัญหาของเราเมื่อไหร่ก็ค่อยรู้สึกเดือดร้อน ร้องประกาศให้คนอื่นช่วยเหลือว่าเราถูกทำร้ายเพราะถูกชิงทรัพย์จากนักพนัน และก็ออกมาช่วยกันรณรงค์ให้สังคมมันดีขึ้น
ถามจริงๆ ถ้าถึงตอนนั้นมันจะแก้ปัญหาทันไหม!!
แนวทางในการเปิดคาสิโนของไทยก็น่าสนใจเพราะเป็นการสร้างงานให้กับคนในประเทศ และเงินของคนที่เล่นพนันจะได้อยู่ในประเทศไม่ไหลออกไปที่ประเทศเืพื่อนบ้าน สุดท้ายก็ต้องบอกว่าเพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศนั่นแหละ แล้วยังไงต่อหละ วิธีการสร้างความเจริญเนี้ยมันมีวิธีเดียวหรืออย่างไร ถ้าแก้ปัญหาหนึ่งแล้วก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา เช่น ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาหนี้สิน ปัญหาครอบครัว แล้วเมื่อไหร่จะแก้ปัญหาจบกันหละ
สมมติว่าถ้าทางผู้รักประเทศไทยทั้งหลายลงมติว่าต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยการเปิดคาสิโนให้ถูกกฎหมาย (ทั้งที่เรามีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติเป็นจุดขายที่ดีอยู่แล้วไม่ค่อยส่งเสริมสักเท่าไหร่)โดยออกมาในรูปแบบของสถานบันเทิงกึ่งรีสอร์ท เช่น โครงการ Integrated Resort ซึ่งในที่แห่งนั้นจะมีสิ่งบันเทิงครบวงจรในที่เดียวกัน มีโรงแรมให้พัก อาหารอย่างดีไว้เลี้ยงต้อนรับบุคคลที่เครียดเนื่องจากมีเงินเหลือเยอะจนคิดไม่ออกว่าจะเอาไปทำอะไรก็มาผ่อนคลายโดยการเสี่ยงโชคแก้เครียด หรือบางคนที่คิดว่าจะมากอบโกยเงินทองจากคาสิโนเพื่อหวังนำไปก่อร่างสร้างตัวเพราะอยากรวยกับเค้าสักที แล้วสุดท้ายมันก็เป็นแค่ความหวังจริงๆ ยิ่งหวังมากก็เจ็บมาก
แน่นอนว่าคาสิโนจะก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้.... ว่าแต่จะสร้างแบบไหนดีหละ??
สร้างเงิน
==> สร้างงานให้กับธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้าง
==> สร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นจากการเข้าไปทำงานในสถานบันเทิง
==> สร้างรายได้ให้กับประเทศจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ
.....อาจจะสร้างเงินได้อีกนะ ตอนนี้คิดไม่ออก แต่ถ้าต้องทำให้ถูกกฎหมายจริงๆก็จะมีการเขียนแผนและประมาณการรายได้มาให้ดูว่าเราจะได้เงินเท่าไหร่จากการลงทุน เขียนนโยบายโดยชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อบอกถึงผลประโยชน์และความคุ้มค่าของการก่อสร้าง โดยที่มีแนวทางการแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นป้องกันไว้รอบด้าน แต่จะทำได้จริงรึเปล่าก็อีกเรื่องนึง
ตัวอย่างของประเทศสิงค์โปร์
"มองในแง่ผลประโยชน์ รัฐบาลคาดหวังว่าโครงการนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงาน 35,000 อัตรา มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 15,000 ล้านดอลลาร์สิงค์โปร์ต่อปี และผลอันเกิดจากการทำงานของตัวทวีคูณ จะทำให้ภาคเศรษฐกิจอื่นๆขยายตัวตามไปด้วย เช่น โรงแรม สายการบิน ค้าปลีก ห้องพักและเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ ภาพรวมเหล่านี้จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 0.3-1.3 ต่อปี" (อ่านข้อมูลทั้งหมดได้ที่ข่าวด้านล่างค่ะ)
สร้างสังคม
==> สร้างงานให้กับตำรวจเพราะมีเหตุร้ายไม่เว้นแต่ละวัน อาชญากรรมบ้าง ลักทรัพย์บ้าง
==> สร้างธุรกิจ Call Center เพราะจะเกิดปัญหาคนที่อยากเลิกเล่นพนันแล้วไม่มีที่ปรึกษา
ก็ต้องมีสายด่วนให้คำปรึกษา
==> สร้างปัญหาครอบครัว (ในตัวอย่างวีดีโอข้างต้น)
==> สร้างงานให้รัฐบาลเพราะต้องเสียงบประมาณมาดูแลคุณภาพชีวิตของคนชรามากขึ้น
อันเนื่องมาจากไ่ม่มีเงินออมเหลือเก็บ
......อาจจะสร้างสังคมได้อีกนะ ตอนนี้คิดไม่ออก ก็ต้องรอดูว่าแนวทางการแก้ไขที่เขียนเป็นนโยบายนั้นจะใช้ได้จริงๆรึเปล่า
จากในอดีต มีการเล่นการพนันในบ่อน ได้แก่ บ่อนถั่วและบ่อนโปโดยใช้เบี้ยเล่นแทนเงิน เมื่อเลิกเล่นจึงเอาเบี้ยไปขึ้นเป็นเงิน สถานที่เล่นพนันจึงเรียกว่า "บ่อนเบี้ย" และการเล่นพนันถั่วและโปจึงเรียกว่า "เล่นเบี้ย" ในคราวนั้น แม้รัฐจะมีรายได้จาก "อากรบ่อนเบี้ย" มาใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศ
แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 5 (พระพุทธเจ้าหลวง) ทรงตระหนักถึงภัยอันใหญ่หลวงของบ่อนเบี้ยการพนัน ดังความบางตอนในพระราชหัตถเลขา
พระราชทานกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่า......
"...ได้เรียนตำราเล่นเบี้ยอย่างฝรั่งเข้าใจ ข้อซึ่งเข้าใจกันว่าเล่นไม่น่าสนุกนั้นไม่จริงเลย สนุกยิ่งกว่าอะไรๆหมด ถ้าชาวบางกอกได้รู้ไปเล่นแล้ว ฉิบหายกันไม่เหลือ ถ้าหากว่าไปถึงเมืองเราเข้าเมื่อไรจะรอช้าแต่สักวันเดียวก็ไม่ควร ต้องห้ามทันที"
พระองค์เห็นว่าการมีราษฎรมัวเมาในการพนันย่อมเป็นเหตุนำไปสู่ความวิบัติ ทั้งส่วนตัวและส่วนรวมในความมั่นคงของประเทศชาติ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดการปรับปรุงงานพระคลังเพื่อหารายได้อื่น มาทดแทนรายได้จากอากรบ่อนเบี้ย
รัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงรู้ถึงผลเสียของการพนันว่าจะทำให้ประเทศจะไม่เหลืออะไร พระองค์ยังทรงห้ามไม่ให้เกิดขึ้น ทรงมองการณ์ไกลถึงอนาคตของประเทศเป็นร้อยกว่าปีว่าจะล่มจมอย่างไร ไม่เข้าใจว่าทำไมบางคนที่เปล่งวาจาว่ารักประเทศไทยทั้งหลายไม่ทำตามดำริของพระองค์ท่าน
==============================================================
ธุรกิจพนันเอเชียแจ้งเกิด ไทยเดินเกมอย่างไร เมื่อถูกเพื่อนบ้านล้อม !!
คนไทย 90% แห่เล่นพนันบ่อนชายแดน
ถึงกระนั้น เมื่อเส้นทางการพนัน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศ เล่นใน ‘บ้าน’ ไม่ได้ก็ออกไปเล่นข้างนอก ข้อมูลจึงพบว่าคนไทยร้อยละ 90 นิยมเข้าไปลุ้นหน้าไพ่ในบ่อนพนันตามแนวชายแดน โดยทำทีเข้าไปในลักษณะส่วนบุคคล และจัดเป็นกรุ๊ปทัวร์เพื่อไปท่องเที่ยว แต่จริงๆ แล้วมีจุดประสงค์เข้าไปเล่นพนันโดยเฉพาะ
ที่สำคัญคนกลุ่มนี้ยังมีตั้งแต่กลุ่มเยาวชนไปจนถึงผู้สูงอายุ เพราะปัจจุบันบ่อนพนันชายแดนได้ปรับกลยุทธ์ ขยายฐานผู้เล่นหน้าใหม่ นำระบบไอทีเข้ามาเป็นส่วนผสม กลายเป็นการพนันระบบออนไลน์ต่างๆ
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา
เขียนโดย ณัฐนันท์ อิทธิยาภรณ์
วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม 2012 เวลา 12.08 น.
=================================================
เรื่อง เรียนรู้ประสบการณ์การเปิดบ่อนคาสิโนของสิงคโปร์
โดย ดร. รัตพงษ์ สอนสุภาพ
สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กและมีทรัพยากรจำกัด รัฐบาลเห็นว่า รายได้จากการท่องเที่ยวจะเป็นรายได้สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ จึงตัดสินใจเปิดบ่อนการพนันภายใต้โครงการคาสิโนรีสอร์ท (Casinos Integrated Resort : IRs) ขึ้นในปี 2005 เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าหลากหลายประเภท
ในช่วงก่อสร้าง รัฐบาลสิงคโปร์ดำเนินกระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง และในช่วงปี 2009-2010 ได้อนุญาตให้เปิดบ่อนการพนันอย่างถูกกฎหมายสองแห่ง คือ เซนโทซ่า (Sentosa) และมารีนาเบย์ (Marina Bay) โดยใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 5,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
มองในแง่ผลประโยชน์ รัฐบาลคาดหวังว่าโครงการนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงาน 35,000 อัตรา มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 15,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปี และผลอันเกิดจากการทำงานของตัวทวีคูณ (Multiplier effect) จะทำให้ภาคเศรษฐกิจอื่นๆขยายตัวตามไปด้วย เช่น โรงแรม สายการบิน ค้าปลีก ห้องพัก และเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ ภาพรวมเหล่านี้จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 0.3-1.3 ต่อปี
มองในแง่ผลกระทบ การเปิดบ่อนการพนันอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ รวมทั้งอาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆทางสังคม ได้แก่ ความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นเหตุให้ปัญหาการคอร์รัปชันเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลในแง่ประสิทธิภาพในการบริหารงานของรัฐบาลและรัฐสภาต่อทิศทางในการกำหนดเกมการพนันของประเทศ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากภาพลวงตาของโครงการ IRs รวมทั้งการกำหนดแนวทางในการนำเงินที่ได้จากธุรกิจการพนันไปใช้ประโยชน์ต่อสังคมอย่างไรเพื่อให้สังคมได้ประโยชน์สูงสุด เช่นด้านการศึกษาและสาธารณสุขรวมถึงการรณรงค์เพื่อลดผลกระทบจากธุรกิจการพนัน
ข้อกังวลอีกประการหนึ่งสำหรับการเปิดบ่อนการพนันในสิงคโปร์คือ ปัญหาการเสพติดการพนันของชาวสิงคโปร์เอง ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาอื่นๆตามมา ได้แก่ ปัญหาครอบครัว ปัญหาอาชญากรรม และปัญหาหนี้สิน เป็นต้น
รัฐบาลสิงคโปร์ตระหนักถึงผลกระทบทางสังคม จึงได้ถอดบทเรียนและประสบการณ์ของเมืองหรือประเทศที่ได้มีการอนุญาตให้เปิดบ่อนการพนันอย่างถูกกฎหมายมาเป็นกรณีตัวอย่าง เช่น เมืองแอตแลนติกซิตี้ บาฮามาส และเมืองเวเนเซีย ลาสเวกัสในรัฐเนวาดา
รัฐบาลสิงคโปร์ได้ออกมาตรการทางสังคม กฎระเบียบในการเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนคาสิโนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะชาวสิงคโปร์และคนที่มีถิ่นพำนักอยู่ถาวรในสิงคโปร์จะต้องเสียค่าใช้จ่าย 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อ 24 ชั่วโมง และ 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อปี ส่วนชาวต่างชาติสามารถเข้าได้ฟรี ทั้งนี้ผู้เข้าไปเล่นจะต้องมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป การเข้าไปใช้บริการในแต่ละครั้งจะต้องแสดงหลักฐานตัวตนอย่างชัดเจน เช่น บัตรประชาชนใบขับขี่ ส่วนชาวต่างชาติก็แสดงหลักฐาน เช่น หนังสือเดินทาง เป็นต้น
Pricewaterhouse Coopers LLP และ Wilkofsky Gruen Associates (2011) ประเมินว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตในธุรกิจนี้รวดเร็วมาก ในปี 2010 ซึ่งเป็นปีแรกที่เปิดบ่อนคาสิโน สิงคโปร์มีส่วนแบ่งตลาดถึงร้อยละ 8.2 มูลค่า 2,827 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นรองจากมาเก๊าและออสเตรเลียเท่านั้น สูงกว่าตลาดเก่าที่เปิดให้บริการอยู่แล้วทั้งเกาหลีใต้ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ นิวซีแลนด์ และเวียดนาม ในช่วงปี 2011-2015 ตลาดสิงคโปร์มีแนวโน้มเติบโตสูงมาก มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 20.5 ต่อปี กลายเป็นตลาดใหญ่อันดับสองทั้งในแง่มูลค่าและอัตราการเติบโต เป็นรองเพียงมาเก๊าที่เดียวเท่านั้น โดยในปี 2015 มีมูลค่าสูงถึง 7,172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ล่าสุดมีข่าวออกมาว่า การพนันโดยรวมของคนสิงคโปร์ลดลง แต่ผลการสำรวจสะท้อนว่า ประชาชนที่มีรายได้ต่ำทุ่มเงินไปกับการพนันมากขึ้น วางเดิมพันก้อนใหญ่ขึ้น นักพนันหน้าเดิมเล่นพนันบ่อยขึ้น และมีคนขอคำปรึกษาเกี่ยวเนื่องกับปัญหาการพนันมากขึ้น ทำให้รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ ด้วยการห้ามผู้ล้มละลายหรือผู้ที่พึ่งพาความช่วยเหลือจากรัฐเข้าคาสิโน เพิ่มโทษทางวินัยแก่ผู้ดำเนินงานคาสิโนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงจำกัดสินเชื่อสำหรับนักพนัน และกำลังพิจารณามาตรการอื่นๆเพิ่มเติมจากกฎที่เคยห้ามคาสิโนโฆษณาพุ่งเป้าไปที่คนท้องถิ่น และจำกัดหน้าม้าที่หานักพนันกระเป๋าหนักเข้าคาสิโน