วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ขึ้นคานอย่างมีศักดิ์ศรี ต้องมีแผนทางการเงิน

จากการพยากรณ์ของนักวิชาการหลายๆสำนักที่บอกว่าธรรมชาติจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ ประชากรที่เกิดใหม่ในอนาคตก็จะผจญกับภาวะการขาดแคลนอาหารอันเนื่องมาจากความเลวร้ายของภัยธรรมชาติ กลุ่มคนโสดที่รักคานทองยิ่งชีพยอมไม่ได้ที่จะให้เกิดเหตุการณ์นั้น เราก็เลยร่วมด้วยช่วยกันดูแลธรรมชาติและช่วยกันคุมกำเนิดไม่ให้มีเด็กเกิดขึ้นมาเยอะเกินไป!!

ก็ว่าไปนั่น.....ก็แค่ขำๆ ให้กำลังใจคนโสดหนะค่ะ ^_^!!

คนโสดก็ไม่มีอะไรมากก็แค่ดูแลตัวเอง ดูแลพ่อแม่ หาความสุขให้กับตัวเอง ท่องเที่ยวไปในที่ที่อยากจะไป จะสังเกตได้ว่าเงินส่วนใหญ่จะหมดไปกับการท่องเที่ยวหาความสุขใส่ตัว ในกลุ่มที่ดูแลตัวเองและวางแผนทางการเงินดีก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าบางคนใช้จ่ายจนเกินตัวเองไปนิด ทำงานเดือนนี้เพื่อใช้หนี้บัตรเครดิตที่ใช้เกินไปหลายเดือนแบบนี้ก็ไม่ค่อยสนุกกับการใช้ชีวิตสักเท่าไหร่

เราต้องมาจุดประกายให้คนโสดเริ่มคิดที่จะวางแผนการเงินกันมากขึ้นแล้วหละ !!

เริ่มจากมาดูอนาคตว่าเราต้องเจอกับอะไรบ้าง เพื่อเป็นแรงกระตุ้นใ้ห้เกิดความอยากที่จะเก็บเงิน ส่วนวิธีการเก็บเงินนั้นก็จะตามมาเอง แนวโน้มของประชากรจะมีคนโสดมากขึ้น ก็เป็นที่รู้กับอยู่แล้ว แต่ว่าคนโสดมาเกี่ยวอะไรกับการวางแผนทางการเงินหละ?? คนแต่งงานก็มีภาระแบบคนมีคู่ ส่วนคนโสดก็มีภาระของคนที่ต้องอยู่คนเดียว เราเคยลองคิดไหมว่า.....

"ถ้าคนโสดอย่างเราแก่ตัวไป 
ทำงานไม่ไหว 
ตอนนั้นใครจะมาดูแล"

อย่าหวังให้ใครมาเลี้ยงเพราะเราไ่ม่ได้ให้กำเนิดใครเพื่อมาเลี้ยงดูเรายามชรา ภาระของคนโสดก็อยู่ตรงนี้แหละ แม้ว่าการยืนด้วยลำแข้งของตัวเองมันจะเหนื่อย แต่ก็ต้องเริ่มคิดตั้งแต่ตอนที่มีกำลังทำงานแล้วหละ ว่า ณ อายุ 70 ปีเราจะอยู่ยังไง คงไม่ต้องรอให้ถึงก่อนแล้วค่อยคิดนะจ๊ะ เพราะมันจะช้าไป และถ้าพัฒนาการทางการแพทย์ทำให้เราอายุยืนกว่านั้นหละ โครงการบ้านพักคนชราคนเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดเลยหละ เป้าหมายกลุ่มคนหลังเกษียณก็เป็นอีกธุรกิจนึงที่น่าจะเติบโตมากๆในอนาคต

เฮ้ออออ.....แค่คิดภาพว่าตัวเองต้องแบกสังขารไปหุงข้าวกินเองก็เหนื่อยละ

เมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่คนเดียวแล้วหละก็ต้องมีการวางแผนการใช้เงินให้ดีเลยหละ ณ จุดนั้นคงต้องจ้างพยาบาลมาดูแล เพราะเราคงดูแลตัวเองไม่ได้ ถ้าจะให้มีคนมาดูแลเราฟรีๆก็คงเป็นจิตอาสาเกินไป ผลตอบแทนให้คนดูแลก็ต้องมีบ้าง เราก็เลยต้องวางแผนการใช้เงินไงจ๊ะ  พอแก่ชราตำหมากไม่ไหวแล้วจะได้ไม่ลำบาก ก็เลยคิดว่าน่าจะต้องรู้ว่าช่วงอายุที่เราทำงานไม่ได้นั้นต้องมีรายจ่ายเท่าไหร่ หรือความจำเป็นในการใ้ช้เงินว่าเราจะต้องใช้เงินจนกระทั่งวาระของสุดท้ายเท่าไหร่ แล้วมาดูว่าปัจจุบันเราเก็บเงินได้เท่ากับจำนวนที่ใ้ช้หลังเกษียณอายุแล้วรึยัง ภาพนี้เขียนไปในบล็อกเดือนกันยายนมีวิธีคำนวณเป็นตัวอย่างที่ http://pajareep.blogspot.com/2012/09/blog-post_30.html แต่ถ้าใครไม่ชอบตัวเลขก็จำเป็น concept ว่า "เก็บเงินให้พอใช้ในวัยหลังเกษียณ"




หลังจากนี้ไปก็ต้องเรียนรู้วิธีการเก็บเงินว่าจะทำอย่างไรให้เงินของเรางอกเงยทันใจไว้ใช้ในอนาคต โลกของการลงทุนนั้นไม่ยากมันจะไปทุกที่ที่อินเตอร์เน็ตเข้าถึง ถ้าเรารู้แล้วว่าต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่มันก็จะเป็นแรงผลักดันให้เราอยากวางแผนการเงิน อยากเรียนรู้ อยากเก็บเงินจากการทำงาน(ไม่ใช้การคาดหวังว่าจะถูกล็อกเตอร์รี่) สินทรัพย์ที่ใช้รักษามูลค่าของเงินนั้นก็มีเยอะมาก ก็ต้องค่อยๆศึกษาเงื่อนไขของแต่ละแบบ มีตั้งแต่ฝากประจำ ลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ กองทุนรวม พันธบัตรรัฐบาล ซื้อทองแท่ง ทองรูปพรรณ โปรแกรมออมทองทุกเดือน เครื่องประดับเช่นเพชร ภาพเขียน งานศิลปะต่างๆ ของหายากต่างๆ นาฬิกา แอลกฮอล์ เช่น เหล้า ไวน์ ฯลฯ เลือกศึกษาเฉพาะที่เราเข้าใจก่อนแล้วค่อยศึกษาในส่วนอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ 

เว็ปแนะนำ http://www.tsi-thailand.org/index.php ซึ่งมีสาระความรู้เรื่องการลงทุนให้ศึกษา 
มันไม่ยากอย่างที่คิด ยอมลำบากตอนนี้ดีกว่าลำบากตอนแก่นะจ๊ะ

คำนี้มันโดนจริงๆ เจอใน FB เราก็ยืมมาเขียนเป็นเรื่องของการเงินสักหน่อยละกัน

"เป็นโสดอย่างกล้าหาญ 
ขึ้นคานอย่างมีศักดิ์ศรี 
ต้องมีแผนทางการเงิน"









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น