ตอนนี้ถ้าเราอยากรู้อะไรก็ถาม......
บางคนมีชื่อเสียงได้ในระยะเวลาอันสั้นจากการคลิก.....
สิ่งเหล่านี้ทำให้เรารู้อะไร??
เรารู้ถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การตัดสินใจซื้อสินค้าสักหนึ่งชิ้นไม่ต้องมาถามนักขายว่าสินค้านี้มีคุณสมบัติอย่างไร ราคาเท่าไหร่ มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง ฯลฯ ข้อมูลพื้นฐานและข้อมูลเชิงลึกลูกค้าสามารถหาข้อมูลเปรียบเทียบสินค้าได้เองจากเว็ปไซต์หรือคอมเม้นต่างๆซึ่งมีอิทธิพลมากต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า
สิ่งเหล่านี้เป็นวิกฤตของคนที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงและยึดติดกับความสำเร็จในอดีต ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสทองที่เราไม่ควรมองข้าม เรามองตรงนี้เป็นโอกาสในการสร้างอาชีพได้ไม่ยาก นับว่าเป็นพื้นที่โฆษณาที่เสียค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด เพราะ้ถ้าลูกค้าชื่นชอบในสินค้าหรือบริการของเราก็จะมีการบอกต่อ เช่น เขียนแนะนำสินค้าเราใน Facebook ก็มีเพื่อนอีกหลายคนเห็นคอมเม้นนั้น และถ้าเพื่อนชอบเหมือนกันก็จะกด Like & Share โดยที่เราที่เป็นเจ้าของไม่ต้องทำอะไร นอกจากพัฒนาสินค้าหรือบริการนั้นให้ดีขึ้นเพื่อต้อนรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
เราลองคิดเล่นๆ(อาจจะเหมือน second life) ถ้าต่อไปหน้าร้านขายของอาจจะอยู่แต่ในหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเดียวก็ได้ เสียค่าใช้จ่ายเพียงค่าเช่าโกดังใส่สินค้า ถ้าเราอยากไปซื้อของร้านนั้นแต่อยู่ห่างไกลมากหรืออยู่คนละซีกโลก เราแค่คลิกก็สามารถเข้าไปเยี่ยมชมร้านค้านั้นได้ ทำทุกอย่างได้เหมือนเราไปที่ร้านจริง(ที่ต่างประเทศสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านทางจอโทรทัศน์ได้แล้ว)
ลองจินตนาการว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้าเราทำสิ่งเหล่านี้ได้ทางอินเตอร์เน็ต
การได้เดินหยิบดูของ สอบถามราคา ดูรายละเอียดสินค้า ดูคอมเม้นของคนที่เคยซื้อไปแล้ว ซื้อของ จ่ายเงิน ถ้ามีการแชร์ขอมูลสินค้าให้เพื่อนก็จะได้แต้มสะสมเพื่อใช้ลดราคาสินค้าในครั้งต่อไป และถ้าเพื่อนของเรานำข้อมูลที่เราแชร์ไปซื้อสินค้าในร้านเดียวกัน เราก็จะได้รับแต้มสะสมมากขึ้นเช่นกัน หลังจากนั้นของก็ส่งมาที่บ้านของเรา โดยที่เราสามารถดูการเดินทางของสินค้าได้ทาง RFID ที่ติดมากับสินค้าว่าตอนนี้เดินทางถึงที่ไหนแ้ล้วและจะมาถึงเราภายในกี่วัน เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อว่าสินค้ากำลังเดินทางมา
"ในอนาคตการช้อปปิ้งก็อาจจะคล้ายแบบ second life นี้ก็ได้"
มาถึงเรื่องหุ้นบ้างแล้วหละ
ถ้าอนาคตประเทศเรามีการสื่อสารที่รวดเร็วมากขึ้น แค่คลิกเดียวเปลี่ยนหน้าเว็ปได้ในชั่วพริบตา(ไม่หมุนติ้วๆๆ ช้าเป็นหอยทากแบบบางระบบ) ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมเราถึงไม่ซื้อหุ้นที่เกี่ยวกับทิศทางการตลาดแบบนี้เก็บไว้ในพอร์ตของเราบ้างหละจ๊ะ ลักษณะนี้เป็นการเล่นหุ้นตามกระแสนิยมโดยมองถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
ตัวอย่างหุ้นที่เกี่ยวกับการตลาด 3.0 น่าจะมีอะไรบ้าง
ขอขอบคุณข้อมูลวีดีโอนี้จากกรุงเทพธุรกิจค่ะตัวอย่างหุ้นที่เกี่ยวกับการตลาด 3.0 น่าจะมีอะไรบ้าง
- สื่อบันเทิง มีรายได้จากค่าโฆษณา ยิ่งกระแสการประมูลที่วีดิจิตอลมาด้วยแล้วก็จะยิ่งตอบรับข่าวล่วงหน้า
- มือถือ การขายสมาร์ทโฟน เหตุเพราะความนิยมของคนเริ่มเล่นอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือมากขึ้น ยอดขายก็ต้องมากขึ้นตามไปด้วย
- ผู้วางเครือข่าย (สายไฟเบอร์ออฟติก) เป็นสิ่งที่ขาดไ่ม่ได้เพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้เราเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา
- ดาวเทียมดวงเดียวในตลาดหุ้นที่เริ่มรับรู้กำไรมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ดาวเทียมสามารถให้บริการเชื่อมโยงโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงบนเทคโนโลยีไวแมกซ์ซึ่งสามารถครอบคลุมพื้นที่ที่โครงข่ายสื่อสารไม่เพียงพอหรือเข้าไม่ถึง (ไปดูกราฟแล้วก็ลุ้นว่าจะกลับไปที่ 40 บาทได้อีกครั้งตอนไหน เท่าที่รู้ตอนน้ำท่วมกรุงอยู่่ที่ราคาเกือบ 10 บาท ณ บัดนี้นี้ก็ 30 บาทละ)
==============================================================
ตามรอยความคิดฟิลิป คอตเลอร์ กับ Marketing 3.0
อะไร ทำไม อย่างไร Marketing 3.0
บทความน่าสนใจ
แบ่งเงินออมมาเก็บดอลล่าร์กันดีกว่า
==> http://pajareep.blogspot.com/2013/03/blog-post_25.html
แหล่งเก็บเงินที่ปลอดภัยนั้นไม่มีจริง!!
==> http://pajareep.blogspot.com/2013_04_01_archive.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น