วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

มนุษย์เงินเดือนมีเงินก้อนจะนำมาซื้อหุ้นดีไหม?



ช่วงนี้กระแสลงทุนในหุ้นเกิดขึ้นมากมาย หนังสือที่สอนเล่นหุ้นวางขายจนเลือกไม่ถูกเลยว่าจะอ่านของใครดี เพราะแต่ละเล่มมีดีแตกต่างกัน เราเห็นเรื่องดีๆของการเล่นหุ้นมาเยอะแล้ว จึงอยากจะลองเขียนในฝั่งตรงข้ามดูบ้างว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าเราลงทุนแบบไม่ระมัดระวัง ด้วยเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับคนรอบตัว เขียนไว้เพื่อที่จะได้ระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น 

ก่อนหน้าที่เราจะตัดสินใจลงทุนเคยศึกษาถึงวิกฤตที่เกิดขึ้นในปี 40 ว่าความล้มเหลวเรื่องการลงทุนนั้นเกิดจากอะไร เมื่อเราไม่อยากเจ็บเองก็ต้องอ่าน ฟังให้มากๆก่อนที่จะเริ่มลงทุนจริง การเรียนรู้ความผิดพลาดของคนอื่นเพื่อป้องกันความผิดพลาดซ้ำรอยเดิม ซึ่งเป็นอาวุธชั้นดีที่จะทำให้เรารู้ว่าข้างหน้าจะมีอุปสรรคอะไรเกิดขึ้นบ้าง เราควรเตรียมตัวและเตรียมใจว่าจะเจอกับอะไรบ้าง

บทความนี้จะมีตัวอย่างจากประสบการณ์จริง 2 เหตุการณ์มาเล่าให้ฟังเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจจะได้ไม่ทำผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น

เรื่องที่ 1 มีเงินก้อนจะทำอะไรก่อนดี ระหว่างผ่อนบ้านกับลงทุนหุ้น

เรามีโอกาสได้คุยกับนายธนาคารคนหนึ่ง ดูท่าทางน่าจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควรโดยเฉพาะปี 40 เราลองถามว่าช่วงนั้นการลงทุนของเขาเป็นยังไงบ้าง สิ่งที่เล่ามาน่าสนใจมากในแง่ของการตัดสินใจลงทุน ช่วงนั้นเขามีเงินก้อนหนึ่งเตรียมจะซื้อบ้าน  2 ล้านบาท ขณะเดียวกันในปีนั้นตลาดหุ้นขึ้นดีมาก หลายคนรอบตัวที่ลงทุนในหุ้นก็ได้กำไรมาง่ายมากโดยวิธีการซื้อเก็งกำไร ทำให้เขาคิดว่าน่าจะนำเงินก้อนนั้นมาซื้อหุ้นก่อนแล้วค่อยผ่อนบ้านเพราะจะได้ไม่เสียโอกาสทำกำไร

สิ่งที่คาดหวัง คือ เงินก้อน ==> ลงทุนหุ้น ==> นำกำไรมาจ่ายค่าผ่อนบ้าน

โลกการเก็งกำไรมันไม่ได้สวยงามขนาดนั้น อีกไม่นานเขาก็ไม่มีโอกาสได้เห็นเงิน 2 ล้านอีกต่อไปเพราะมันละลายหายไปกับหุ้นในปี 40 นั่นแหละ ความเจ็บปวดนั้นตามมาจนกระทั่งตอนนี้ที่เขายังคงผ่อนบ้านหลังนั้นยังไม่หมด

ความจริงที่เจอ คือ เงินก้อน ==> ลงทุนหุ้น ==> เงินหายจนไม่มีเงินผ่อนบ้าน

อย่ามองว่าเรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับเรา เพราะบางครั้งเราก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรบ้างที่กำลังจะเป็นปัญหา ลักษณะการมองปัญหาคล้ายๆกับเรื่องเหล่านี้
  • การที่เราสวมบทบาทของคนดูผู้ที่เล่นหมากรุกแข่งกัน คนนอกกระดานจะมองว่าทำไมไม่เดินตัวนั้น ตัวนี้ จนบางครั้งผู้เล่นอยากจะลุกให้คนที่พูดนั้นมาเล่นแทน 
  • เราดูบอลแล้วชอบพูดว่า "ทำไมไม่เตะไปตรงนั้นหละ"
  • คนซื้อตำหนิแบบเสื้อว่าออกแบบไม่ได้เรื่อง ที่ถูกต้องมันน่าจะเป็นแบบนี้
บางครั้งการวิจารณ์จากคนนอกที่รู้จริงจะทำให้มองเห็นปัญหามากกว่าผู้เล่น และเราจะได้รับคำวิจารณ์ออกมาในเชิงสร้างสรรค์เพื่อช่วยเราแก้ไขจุดบกพร่อง จากเรื่องข้างต้นบางคนมองออกว่าควรนำเงินมาจ่ายหนี้ก่อนแล้วค่อยลงทุน แต่ความโลภมันไม่ได้บอกเราแบบนั้น บางคนรู้ทุกอย่าง จัดการได้ทุกเรื่องแต่บางครั้งมองข้ามความผิดพลาดของตนเองจนกลายเป็นปัญหา

ดังนั้น ในฐานะของผู้ลงทุนควรแยกแยะปัญหาของตนเอง ถ้าอยู่ในสภาวะที่เป็นหนี้นั้นควรทำให้เบาบางลงก่อนที่จะลงทุน หรือถ้ามีหนี้แล้วต้องการลงทุนจริงๆควรระมัดระวังโดยมีวินัยในการคัทลอสให้มากๆ  

เรื่องที่ 2 จะเกษียณแล้วได้รับเงินก้อน อยากจะนำเงินมาลงทุนหุ้น

คนรู้จักท่านนึงเกษียณอายุจากการทำงานประจำแล้วเล่นหุ้นอยู่บ้าน พร้อมกับบริหารพอร์ตการลงทุนให้ลูกไปด้วย ท่านบอกว่ารุ่นเราโชคดีมากที่มีอินเตอร์เน็ตเทรดหุ้นเองได้ เพราะสมัยก่อนนั้นกว่าจะซื้อหรือขายได้ก็ต้องโทรบอกมาร์เก็ตติ้ง ถามราคาราคาหุ้นขึ้นหรือลงก็ช้ามาก ทำให้บางครั้งซื้อขายไม่ทัน

วิธีคิดนึงของท่านที่น่าสนใจในเรื่องที่คนเกษียณเล่นหุ้น เพราะต้องการฝึกสมอง ฝึกคิด ไม่อยากอยู่ว่างๆกลัวว่าสมองจะฝ่อ จากความเก๋าของท่านทำให้มีความระมัดระวังในการลงทุนมาก ชอบการเล่นหุ้นแต่ก็ไม่ทุ่มสุดตัว เพราะถ้าเล่นเสี่ยงมากเกินไปก็อาจจะทำให้เงินเกษียณหายหมด โดยส่วนใหญ่ท่านจะลงทุนในหุ้นปันผลสูงเพื่อรอรับปันผล

รุ่นเก๋าลงทุนหุ้น คือ เงินก้อนเพื่อเกษียณ ==> ลงทุนหุ้นบางส่วน ==> มีรายได้จากหุ้นปันผล

แต่เรื่องที่เจอค่อนข้างบ่อย คือ นักลงทุนมือใหม่หรือมีประสบการณ์น้อย อยากจะใช้เงินเกษียณก้อนสุดท้ายกับการลงทุนในหุ้น เพราะปกติตอนทำงานไม่มีเวลาศึกษาเรื่องการลงทุนกะว่าจะใช้เวลาว่างหลังเกษียณใช้ไปกับการลงทุน

อืม!! มันช้าไปไหมจ๊ะ

นอกจากช้าไปแล้วยังเสี่ยงมากด้วย คิดง่ายๆว่าถ้าเงินเกษียณก้อนสุดท้ายนี้หายไปกับตลาดหุ้นแล้วจะมีเงินตรงไหนเพื่อไว้ใช้ในช่วงสุดท้ายของชีวิต จะมีเรี่ยวแรงที่ไหนไปทำงานเพื่อสร้างเงินให้กลับมาอีกครั้ง อย่ามองเพียงมุมบวกของผลประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุนในแง่มุมเดียวแต่ควรหาทางออกฉุกเฉินเผื่อไว้ด้วย เพราะการลงทุนในวัยเกษียณนั้นจะเสี่ยงมากไม่ได้

แต่ถ้ามือใหม่ใกล้เกษียณอยากลงทุนหุ้นก็ทำได้ แต่ควรจัดพอร์ตการลงทุนหรือลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีสัดส่วนลงทุนในหุ้นน้อยมาก เพราะกองทุนรวมมีคนช่วยดูแลเรื่องการลงทุนแทนเรา แต่ถ้าต้องการจะเทรดหุ้นเองก็ควรใช้เงินไม่มาก เราไม่มีสัดส่วนบอกได้ว่าน้อยเท่าไหร่เพราะขึ้นอยู่กับฐานะและการยอมรับความตื่นเต้นของแต่ละคน เรามองว่าถ้าเงินจำนวนนี้หายไปแล้วจะไม่ตื่นเต้นมาก จำนวนนั้นแหละเอามาลงทุน

ประเด็นสำคัญที่ไม่ค่อยแนะนำให้มือใหม่ใกล้เกษียณเล่นหุ้นเองนั้นเพราะท่านยังไม่เคยเจอความตื่นเต้นตอนที่ตลาดหุ้นผันผวนหนัก อาจจะทำใจยอมรับไม่ได้จนเกิดความเครียดมีผลเสียต่อสุขภาพ

หวังว่าเหตุการณ์  2 เรื่องนี้น่าจะทำให้มองเห็นอีกแง่มุมของการลงทุนที่ไม่ได้มีเฉพาะด้านที่สวยงามเสมอไป ถ้าเปรียบการลงทุนนั้นก็เหมือนมีดจะใช้ให้เป็นประโยชน์โดยการทำอาหาร ตัดไม้ ถางหญ้าก็ได้หรือจะให้โทษที่เป็นอาวุธทำร้ายร่างกายคนอื่นก็ได้ ดังนั้นผู้จับมีดควรรู้ว่ามีวิธีใช้อย่างไรเพื่อที่เป็นประโยชน์แก่ตนเองให้มากที่สุด






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น