วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ความรวยเพียงชั่วข้ามคืน....มันจะยั่งยืนหรือไม่




อาชีพบางอย่างสามารถทำิเงินได้อย่างรวดเร็ว เช่น ดารา นักร้อง นักกีฬา ซึ่งปัจจุบันนี้้ถ้าดาราหรือนักร้องคนไหนกำลังมีชื่อเสียงก็ดูง่ายๆได้จากเห็นผลงานโฆษณาในหลายผลิตภัณฑ์ แสดงละคนถี่มาก ออกสื่อบ่อยครั้ง บางครั้งแสดงละครในช่องเดิมไม่รุ่ง พอเปลี่ยนต้นสังกัดใหม่ได้รับบทเด่นก็มีชื่อเสียงขึ้นมาทันที ถ้าเป็นนักกีฬาที่แข่งชนะในรายการสำคัญๆก็จะได้รับผลตอบแทนจากผู้สนับสนุนมาก  แน่นอนหละว่างานมีเงินก็ตามมา ส่งเสริมให้ฐานะการเงินดีขึ้นเรื่อยๆ ความร่ำรวยในชั่วพริบตาแบบนี้มันจะยั่งยืนได้ถ้าคนๆนั้นรู้จักวางแผนทางการเงิน จำนวนเงินปริมาณมากๆที่ได้รับ ถ้าไม่สามารถจัดสรรให้เหมาะสมก็จะหมดลงอย่างรวดเร็ว ในที่นี้ขอยกตัวอย่างนักกีฬาอาชีพได้รับรางวัลใหญ่ๆจากการแข่งขัน นอกจากนำเงินรางวัลไปใช้จ่ายทางด้านต่างๆ แล้วก็ควรนำเงินมาลงทุนให้งอกเงย เพราะช่วงของการสร้างรายได้มาพร้อมกับความฟิตของร่างกายด้วย ทั้งนี้ต้องไม่ลืมเก็บเงินบางส่วนไว้เพื่อรักษาสุขภาพตนเองตอนชราด้วย เพราะนักกีฬาอาชีพนั้นมีความเสี่ยงสูงต่อการเจ็บป่วยทางด้านร่างกาย เพื่ออธิบายให้เห็นภาพขอยกตัวอย่างนักมวยอาชีพ

ช่วงดึกของคืนวันศุกร์ที่ 17 ส.ค. เวลาประมาณห้าทุ่มมีการชกมวยไทยไฟต์ที่ประเทศอังกฤษ(ที่มา http://www2.mcot.net/fm99/inside.cfm?cat=News&id=401831) ด้วยความอยากรู้ว่าทำไมมีแต่คนพูดถึงความเก่งของบัวขาวก็เลยรอดู การชกไทยไฟต์จะชกกันยกละ 3 นาทีและมีเพียง 3 ยกเท่านั้น ดังนั้นมีอะไรก็ใส่กันให้เต็มที่ ก็ต้องมีการกล้าได้กล้าเสียเพื่อชัยชนะ เพียงเสี้ยววินาทีก็เปลี่ยนชีวิตนักมวยได้ว่าจะเป็นผู้ชูกำปั้นขึ้นฟ้าประกาศให้โลกรู้ว่าเป็นผู้ชนะหรือถูกหามลงจากเวทีเพราะถูกน๊อค คู่มวยที่จัดชกเป็นการชกระหว่างชาวไทยกับชาวต่างชาติ หรือระหว่างชาวต่างชาติด้วยกันเอง กว่าบัวขาวจะขึ้นชกก็ประมาณตี 1 สมกับที่รอคอยจริงๆ แค่ยกที่สองหน้าแข้งสีนิลก็ฟาดที่ซี่โครงซ้ายของคู่ต่อสู้อย่างจัง ทำให้อับดุล ตูเรย์คู่ชกหมอบคาระวะเวทีกันเลย ชนะน๊อคเป็นที่เรียบร้อย ต้องขอบคุณที่มีการรีเทปให้ดูอีกรอบไม่งั้นมองไม่ทันกันเลยทีเดียว มีเพื่อนแนะนำให้ดูบัวขาวชกกับนักชกเกาหลี อันนี้เด็ดกว่าเพราะชนะภายใน 15 วินาที หมัดเดียว...ร่วง!!

วิดีโอที่บัวขาวชกชนะนักชกเกาหลีภายใน 15 วินาที




คำชื่นชมยินดีที่ส่งเสียงดังกึกก้องหลังจากกรรมการชูแขนว่านักชกชาวไทยเป็นผู้ชนะ เงินรางวัลที่ได้จากสปอนเซอร์และการออกโชว์ในรายการต่างๆ ทำให้นักมวยผู้นั้นมีฐานะทางการเงินที่ดีมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้อมูลที่ออกสื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ นิตยสารก็จะมีการถ่ายรูปผู้ให้ของรางวัลเป็นกำลังใจให้นักกีฬา บทสัมภาษณ์ถึงวินาทีที่ประสบความสำเร็จ คำชื่นชมยินดีมีมากมาย แต่จะมีสักกี่ครั้งที่เราจะเป็นภาพชีวิตหลังจากที่นักมวยแขวนนวมแล้ว ว่านักมวยคนนั้นใช้ชีวิตอย่างไร มีสุขภาพร่างกายและสุขภาพการเงินเป็นอย่างไร ถ้าจะให้ดีนอกจากมีโค้ชที่เก่งทางด้านฝึกมวยแล้วน่าจะมีโค้ชสอนวิธีใช้เงินด้วยน่าจะดี ลองตามผลงานนักชกอันรุ่งเรืองเหล่านี้ว่ามีบั้นปลายชีวิตหลังแขวนนวมเป็นอย่างไรบ้าง

แสนศักดิ์ เมืองสุรินท์

ประวัติ =>อดีตแชมป์โลกคนที่  5  ของเมืองไทย มีชื่อจริงว่านายบุญส่ง  มั่นศรี  มีถิ่นกำเนิดจากบ้านสะเดียง  จ.เพชรบูรณ์  หัดมวยครั้งแรกกับ  ครูสมคิด  คำมาตย์  หัวหน้าค่ายมวยเพชรเจริญแสนศักดิ์คว้าเข็มขัดของสภามวยโลก(WBC)  ในรุ่นซูเปอร์ไลท์เวท

หลังแขวนนวม =>สภาพร่างกายที่ไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิมและมีปัญหาด้านสายตาอีก อันเนื่องจากบอบช้ำจากการชกมวย แสนศักดิ์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบาก เพราะนับจากเสียแชมป์โลกครั้งสุดท้ายไปแล้ว เงินทองที่เคยมีอยู่นับ 10 ล้านที่เคยเก็บหอมรอบริบจากการชกมวยก็ร่อยหรอ ผู้จัดการที่ปลุกปั้นมา คือ "สนอง รักวานิช" ก็เสียชีวิต กลุ่มผู้สนับสนุนก็ทะยอย ๆ จากไป หนำซ้ำยังโดนหลอกจากเพื่อนฝูงและคนรู้จัก รวมถึงคนในวงการมวยด้วย (เป็นข้อมูลที่แสนศักดิ์เป็นผู้บอกเอง) การชกครั้งท้าย ๆ ของแสนศักดิ์ เจ้าตัวถึงขนาดลงทุนเป็นโปรโมเตอร์เอง ซึ่งก็ขาดทุนอีก เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคชาติไทย ที่เพชรบูรณ์ บ้านเกิด ก็ไม่ได้รับเลือก จนในที่สุดสายตาข้างขวาที่มีปัญหาของแสนศักดิ์ก็บอดสนิท ส่วนตาข้างซ้ายได้รับการผ่าตัดจนมองเห็นได้ ต้องขอรับความช่วยเหลือจากการกีฬาแห่งประเทศไทยเดือนละ 7,500 บาท และจากสภามวยโลกอีกเดือนละ 9,000 บาท ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว

รัตนพล ส.วรพิณ

ประวัติ =>ครอบครัวของรัตนพลมีอาชีพทำนา ฐานะทางบ้านยากจนมากจึงต้องชกมวย โดยเริ่มจากมวยไทยใช้ชื่อที่เป็นการประชดชีวิตตนเองว่า "ทนเอาหน่อย ต่อยใช้หนี้" จากนั้นจึงได้เข้ามาอยู่ในสังกัดค่าย ส.วรพินจากชกมวยไทยในเวทีเมืองกรุง ก็หันมาชกมวยสากลจนได้เป็นแชมป์โลกคนที่ 17

หลังแขวนนวม => ฐานะของรัตนพลลำบากมาก ทรัพย์สินที่ได้จากการชกมวยมาทั้งหมด ก็มีไม่เหลือเท่าไหร่ ต้องไปขายบะหมี่เกี๊ยวรถเข็น โดยมีภรรยาเป็นผู้ช่วย ที่ย่านบางโพ และได้เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลเป็น "ปรีชา เจริญธาดา" ในปี พ.ค. 2549 รัตนพลก็กลับมาชกมวยอีกครั้ง ภายใต้การจัดของ นายก่อเกียรติ พณิชยารมย์แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จถึงได้แชมป์โลก ได้เป็นเพียงแค่แชมป์ PABA

ถ้าต้องการทราบข้อมูลเชิงลึกว่านักมวยแต่ละท่านมีอดีตเป็นอย่างไรและชีวิตหลังแขวนนวมเป็นอย่างไรสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่วิกิพีเดียนะคะ ซึ่งแต่ละคนก็ไม่ค่อยแตกต่างกันสักเท่าำไหร่ การที่คุณมีสามารถสร้างรายได้อย่างมากมาย หรือจะได้รับมรดกจากเจ้าคุณปู่ที่ใช้กี่ชาติก็ดูเหมือนจะไม่หมด มันจะไม่เหลืออะไรเลยถ้าคุณไม่มีวิธีบริหารเงินที่มีอยู่ให้เติบโต เพราะสักวันมันก็ต้องหมด เพียงแต่ว่าจะหมดช้าหรือหมดเร็วก็เท่านั้นเอง



===============================================================



"แสน ส.เพลินจิต" หอบทองขาย 500 บาท ได้สมัยแชมป์

 อนาถปลอมกว่าครึ่ง


Prev
1 of 1
Next
updated: 18 ต.ค. 2555 เวลา 12:43:50 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
"แสน ส.เพลินจิต"อดีตแชมเปี้ยนโลกชาวไทย เผชิญชะตาชีวิตอีกรอบหลังหอบทองคำที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อกว่า 10 ปีเต็มน้ำหนักรวม 500 บาทไปขายรักษาเลือดออกในสมอง

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม แสน ส.เพลินจิต หรือสมชาย เชิดฉาย อดีตนักมวยเจ้าของแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท สมาคมมวยโลก (ดับเบิลยูบีเอ) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ต้องเผชิญมรสุมชีวิตหลังแขวนนวมไปเมื่อปี 2546 ด้วยการเข้ารักษาอาการเลือดออกในสมอง อันเป็นผลมาจากการชกมวยอาชีพกว่า 10 ปี ซึ่งการรักษาต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงได้นำทองคำแท่งและสร้อยคอทองคำที่บรรดาผู้สนับสนุนเคยมอบให้สมัยเป็นแชมเปี้ยนโลก รวมกันกว่า 500 บาทไปขาย แต่พบว่าเป็นทองปลอมกว่าครึ่งหนึ่ง นับเป็นความเจ็บปวดที่ถูกผู้สนับสนุนกระทำเช่นนี้

รายงานข่าวเผยว่า ก่อนหน้านี้แสน ส.เพลินจิต ได้รับการช่วยเหลือจากนายสมบัติ คุรุพันธ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ (สพก.) ให้เข้าทำงานในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านกีฬามวย และประจำที่สนามกีฬาเฉลิม พระเกียรติ คลอง 6 จ.ปทุมธานี รับเงินเดือนละ 8,000 บาท

ขณะที่นายสกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายกีฬาอาชีพ และกีฬามวย ในฐานะดูแลสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยตามพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดกรณีแสน ส.เพลินจิต ออกมาให้ข่าวว่าทองคำที่แจกกันบนเวทีและเก็บหอมรอมริบมาเป็นทองปลอมกว่าครึ่ง จึงยังไม่สามารถให้รายละเอียดต่างๆ ได้ในเวลานี้ อย่างไรก็ตาม เห็นใจที่นักมวยต้องเจอเหตุการณ์เช่นนี้ เบื้องต้นจะมอบหมายให้นายเดช ใจกล้า ผอ.สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ตรวจสอบรายชื่อของ แสน ส.เพลินจิต ว่าได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกของสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยหรือไม่ หากเป็นสมาชิกแน่นอนว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยต้องเข้าไปให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เหมือนเช่นที่เคยเข้าไปช่วยเหลือ "ไอ้โบ้" รัตนพล ส.วรพิน ที่เคยเผชิญชีวิตตกต่ำก่อนหน้านี้จนปัจจุบันมีชีวิตที่ดีขึ้น

"อยากให้แสนเข้ามาพูดคุยกันที่ กกท. เพื่อได้ทราบรายละเอียด และ กกท.จะให้การช่วยเหลืออย่างแน่นอน" นายสกลกล่าว

สำหรับ "แสน ส.เพลินจิต" เกิดวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2514 เป็นชาวจังหวัดปทุมธานี ครองแชมป์โลกรุ่นฟลายเวทของสมาคมมวยโลก (ดับเบิลยูบีเอ) กลายเป็นแชมป์โลกคนที่ 19 ของไทย มีชื่อจริงว่า สมชาย เชิดฉาย เป็นบุตรชายของนายละเอียด และนางทิพย์ เชิดฉาย ทำสถิติการชก 27 ชนะ 26 (ชนะน็อก 6) แพ้ 1

แสน ส.เพลินจิต กระชากแชมป์โลกจากเดวิด กรีแมน นักชกเวเนซุเอลา ที่ จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อปี 2537 ก่อนจะป้องกันแชมป์โลกไว้ได้ 9 ครั้งและมาเสียเข็มขัดให้กับ โฮเซ่ โบนิญญา ผู้ท้าชิงชาวเวเนซุเอลา ที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อปี 2539

ไฟต์ที่ประทับใจแฟนมวยชาวไทยจนถึงทุกวันนี้คือ การป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 6 กับฮิโรกิ อิโอกะ นักมวยชาวญี่ปุ่น อดีตคู่ปรับของนภา เกียรติวันชัย โดยชนะทีเคโอในยกที่ 10 ถึงเมืองโอซาก้า ถิ่นของอิโอกะเลยทีเดียว ในวันที่ 17 ตุลาคม ปี 2538 ในปีเดียวกัน แสนได้รับรางวัลนักกีฬาอาชีพยอดเยี่ยม ประจำปี 2538

หลังเสียแชมป์แสนยังได้ขึ้นชกอุ่นเครื่องอีก 2-3 ครั้ง โดยย้ายไปอยู่ในสังกัดของ "เสี่ยเน้า" วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะได้มีโอกาสชิงแชมป์อีกเลย ผ่านไป 2 ปี แสนจึงต้องแขวนนวมในเวลาต่อมา

ที่มา : นสพ.มติชนรายวัน












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น