วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

รถคันแรกหรือหนี้ก้อนแรก

นโยบายของรัฐบาลหลายๆอย่างออกมาเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศให้มากขึ้น เพราะถ้าหวังพึ่งพิงการส่งออกอย่างเดียวเกรงว่าจะไม่รอด แม้ท่านจะบอกว่าเกิดวิกฤตในยุโรปเราก็จะส่งออกได้ 15% (White Lie ข้อมูลเพิ่มเติม ทำไมผู้นำถึงโกหกที่ http://bit.ly/Qlq4Tb)ก็ตาม เพราะผลกระทบมันไม่ได้เกิดโดยตรง สังเกตได้จากวิกฤตซับไพร์มก็ทำให้เรารู้ว่าระบบการเงินของโลกนั้นเชื่อมโยงถึงกันหมด เมื่อเกิดปัญหาขึ้นขยะที่ถูกซ่อนอยู่ใต้พรมก็จะโผล่ออกมาให้เห็นบางอย่างพอปัดกวาดทิ้งได้ แต่บางอย่างก็เก็บไว้จนเน่าเฟะ แก้ไขอะไรไม่ได้นอกจากต้องตัดทิ้ง นโยบายรถคันแรกก็เป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากภาวะน้ำท่วมซึ่งได้รับการตอบรับอย่างมาก สังเกตได้จากประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อนหน้า ทำให้โรงงานหลายแห่งที่เป็นแหล่งผลิตชิ้นส่วนของรถยนต์ที่ถูกผลกระทบจากน้ำท่วมผลิตชิ้นส่วนไม่ทัน ส่งผลให้การส่งมอบรถคันแรกไม่ทันภายในปี 2555 จึงได้ขยายเวลาออกไปโดยที่ต้องยื่นใช้สิทธิภายในปี 2555 ส่วนวันรับมอบรถคันแรกไม่มีกำหนด
(ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObFkyOHdNVE14TURjMU5RPT0=&sectionid=TURNd05RPT0=&day=TWpBeE1pMHdOeTB6TVE9PQ==)


จากยอดประมาณการขายรถยนต์ที่สูงขึ้นเป็นการมองภาพรวมได้ว่าความต้องการซื้อรถเพื่อจะได้รับสิทธิประโยชน์คืนภาษีนั้นมีมาก คล้ายๆกับของแพงที่นานทีปีหนจะมีการลดราคาสักครั้ง แบบนี้ก็ต้องจัดกันสักหน่อย แต่ก่อนจะซื้อก็ต้องคิดถึงความจำเป็นที่จะต้องก่อหนี้เพื่อจะรับสิทธิ์การคืนภาษีที่ไม่เกิน 100,000 บาทว่ามันคุ้มค่าหรือไม่ บางคนมีหนี้มากมายอยู่แล้วก็อยากได้รถยนต์โปรโมชั่นลดภาษีแบบนี้บ้างก็ขอซื้อสักหน่อยไม่อยากให้เสียสิทธิ์ ก็ต้องมานั่งคิดดูว่าคุณเหมาะสมจะได้รับสิทธิ์การมีหนี้ที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ ถ้าคุณอยากรับสิทธิ์นั้นรบกวนตรวจยอดหนี้ที่คุณควรมีจากลิ้งค์นี้ก่อนนะค่ะ 
(ควรมีหนี้เท่าไหร่ http://pajareep.blogspot.com/2012/05/blog-post_21.html) เฉพาะตัวเลขอาจจะยังไม่เห็นภาพก็มีตัวอย่างจากบุคคลใกล้ตัวมาเล่าสู่กันฟัง 2 เรื่อง ว่ารถคันแรกทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

เรื่องแรกให้ชื่อว่า "หนี้ของคนจะเกษียณอายุ"
ในต่างจังหวัดธุรกิจรับจัดงานโต๊ะจีนนอกสถานที่จะแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ กิจการที่รับทำอาหารอย่างเดียว กิจการที่ให้เช่าอุปกรณ์โต๊ะจีนอย่างเดียว และกิจการที่ทำทั้งอาหารและให้เช่าอุปกรณ์โต๊ะจีน ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีงานเข้ามาตลอด ผลตอบแทนยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะได้กลับมาเป็นรูปแบบเงินสดรวดเร็วทันใจ จัดงานเสร็จปุ๊บรับเงินปั๊บ สภาพคล่องสูงปรี๊ด ส่วนที่บ้านของดิฉันให้เช่าอุปกรณ์โต๊ะจีนอย่างเดียว โต๊ะจีนที่บ้านก็ได้ถูกว่าจ้างจากคุณป้าแม่ครัวรายหนึ่งบ่อยครั้งจนค่อนข้างสนิทมากจึงรู้มาว่าตอนนี้สามีคุณป้าซึ่งเป็นทหารกำลังจะเกษียณอายุและก็มีเงินใช้สบายๆอยู่บ้านเพราะได้รับบำนาญ จะรับงานทำอาหารบ้างตามกำลังที่จะสามารถทำได้จะได้ไม่เหงา ดูแ้ล้วชีวิตคุณลุงคุณป้าในวัยเกษียณจะสดใส เพราะมีบ้าน มีรถยนต์แล้ว อีกทั้งลูกสาวก็เรียนจบทำงานแล้ว แต่อยู่ดีๆลูกบังเกิดเกล้าก็นำยอดหนี้ผ่อนรถยนต์มาให้คุณลุงกับคุณป้าช่วยผ่อนให้เพราะส่งต่อไม่ไหว ด้วยความรักก็ต้องดูแลลูกและช่วยเหลือให้มากที่สุดโดยไม่ห่วงตัวเอง ดังนั้นคุณป้าก็ต้องรับงานทำอาหารมากขึ้น เริ่มเสียเครดิตที่ว่าจบงานจ่ายเงินตรงเวลา กลายเป็นจบงานภพนี้รับเงินภพหน้า และก็ได้ยินข่าวติดเงินคนอื่นๆอีกหลายคน นี่แหละความรักของพ่อกับแ่ม่ อยากรู้เหมือนกันว่าลูกบังเกิดเกล้าจะรับทราบบ้างหรือไม่ แม้ว่าวางแผนเกษียณมาดียังไงแต่ถ้าไม่สอนให้ลูกหลานประมาณตน ก็จะทำให้ช่วงชีวิตหลังเกษียณลำบากเหมือนกัน ถ้าคิดจะสร้างหนี้ก็ต้องหาทางชำระเองไม่ควรไปเดือดร้อนบุพการี 

เรื่องที่สองให้ชื่อว่า "ภาพลักษณ์ดีแต่ไม่มีกิน"
เคยไหมที่เห็นเพื่อนร่วมงานดูดีจัง แต่งตัวมาทำงานรวมเครื่องประดับ เครื่องแต่งกายทั้งตัวไม่ต่ำกว่าหลักหมื่น อย่าถามว่ามือสองคืออะไรไม่รู้จัก รู้จักแต่ Limited Edition แต่จะมีสักกี่คนที่รู้เบื้องหลังความดูดีที่เราเห็นอยู่ตรงหน้า ในละคนมีให้ดูเยอะแยะ คนรวยจริงๆก็ปล่อยเค้าไป แต่บางคนไม่มีจะกินแล้วยังห่วงภาพลักษณ์เนี้ยซิจะเหนื่อยกับการวิ่งตามคนอื่นเพื่อให้ตนเองดูดีในสายตาของทุกๆคน รถยนต์ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่แสดงถึงภาพลักษณ์ได้เหมือนกัน
เหตุผลในการเลือกที่จะมีหรือไม่มีรถยนต์แต่ละัึคนต่างกัน
     => บางคนคิดว่าแค่ขับไปทำงานได้ก็พอแล้วเป็นยี่ห้ออะไรก็ได้
     => บางคนคิดว่าไม่ต้องมีก็ได้มีรถไฟฟ้าถึงที่ทำงานเพราะไม่อยากขับรถไฟนั่งชมไฟแดงวันละหลายๆชั่วโมง
     => บางคนต้องมีรถยนต์รุ่นนี้เท่านั้น ไม่งั้นภาพลักษณ์การเป็นผู้บริหารจะเสียหมด(แบบนี้ก็ยึดติดกับเปลือกมากเกินไป)
     => บางคนเลือกที่ทำงานกับทีี่่อยู่อาศัยใกล้กันจะได้เดินทางไปกลับไม่สะดวก
ตอนเรียนจบใหม่ๆเืพื่อนของดิฉันเป็นเซลล์ขายบ้านและคอนโด โดยเลือกลงสาขาใกล้บ้านจึงไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ มีเงินใช้จ่ายโดยไม่ต้องพึ่งพาครอบครัว เก็บเงินได้มากมายจากค่าคอมมิชชั่น เมื่อย้ายงานก็มีหัวหน้าคนใหม่ซึ่งยังยึดติดอยู่กับค่านิยมว่าคนที่มีตำแหน่งที่สูงขึ้นก็ต้องมีรถยนต์หรือรุ่นรถยนต์ที่สร้างภาพลักษณ์ให้กับตนเอง ทำให้เพื่อนของดิฉันเริ่มคิดว่าต้องซื้อรถยนต์เพื่อจะได้เลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงานให้สูงขึ้น แน่หละถ้าซื้อเงินเก็บหมดแน่ๆ แล้วเพื่อแลกกับตำแหน่งที่สูงขึ้นมันคุ้มกันไหม ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด แต่เราเลือกที่ความเหมาะสม เลือกว่าจะแสดงตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์และเสน่ห์ของตนเองออกมา หรือสร้างภาพลักษณ์ให้คนอื่นๆมองว่าเราดูดี


"หยุดคิดสักนิดก่อนที่จะรับสิทธิ์สร้างหนี้"



บทความน่าสนใจ


เงินฝากเขย่าโลก
==> http://pajareep.blogspot.com/2013/04/blog-post_20.html


แบ่งเงินออมมาเก็บดอลล่าร์กันดีกว่า
==> http://pajareep.blogspot.com/2013/03/blog-post_25.html

บทเรียนในความมืดกับการวางแผนการเงิน
==> http://pajareep.blogspot.com/2013/02/blog-post_24.html

ร่ำรวยจากสิ่งที่มี

การเงินส่วนบุคคล ตอน การวิเคราะห์หนี้สิน

การเงินส่วนบุคคล ตอน การวิเคราะห์สภาพคล่องส่วนบุคคล
==> http://pajareep.blogspot.com/2013/01/blog-post_11.html



===============================================================

"ไฟแนนซ์" เกาะติด "รถคันแรก" หวั่นลูกค้าทิ้งหลังได้คืนภาษี


updated: 13 ก.ย. 2555 เวลา 11:30:34 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
นายอิสระ วงศ์รุ่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด ในฐานะประธานกรรมการสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย เปิดเผยว่า นโยบายรถคันแรกของรัฐบาลมีผลต่อการขยายตัวทางสินเชื่อเช่าซื้อในปีนี้ค่อนข้างมาก โดยคาดว่าจากนโยบายรถคันแรกที่ทำให้ยอดขายรถในประเทศอยู่ที่ 1.2-1.3 ล้านคัน สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์จะส่งผลให้สินเชื่อเช่าซื้อทั้งระบบอยู่ที่ 8 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 40-50% ซึ่งในโค้งสุดท้ายของปีนี้คาดว่าความต้องการซื้อรถของประชาชนจะมีเพิ่มขึ้นเพราะต้องเร่งตัดสินใจก่อนหมดเขตใช้สิทธิตามนโยบายรถคันแรก อย่างไรก็ตาม การจองรถในช่วงปลายปีอาจไม่มีผลต่อสินเชื่อเช่าซื้อมากนักเพราะค่ายรถยนต์ไม่สามารถส่งมอบได้ทัน ซึ่งจะมีผลทำให้สินเชื่อเช่าซื้อในปี 2556 มีแรงส่งต่อเนื่องไปอีก

"ส่วนคุณภาพสินเชื่อในขณะนี้กำลังติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะเริ่มมีความเป็นห่วงว่าผู้ที่ซื้อรถคันแรกจะทิ้งรถเมื่อได้รับภาษีคืน และส่วนหนึ่งซื้อเพราะความอยากได้โดยที่ไม่ได้คำนวณค่าใช้จ่ายส่วนอื่น เช่น ค่าน้ำมัน หรืออื่นๆ ดีมากพอจะกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายจนกระทบความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคตได้ แม้ว่าผู้ซื้อรถในกลุ่มนี้จะยังไม่มีสัญญาณที่ไม่ดีแต่ก็ต้องจับตาดู เพราะหากมีความผิดปกติเกิดขึ้นจะเริ่มเห็นเมื่อมีการผ่อนชำระไปแล้ว 6-12 เดือน ซึ่งอาจจะมีผลต่อหนี้เสียของกลุ่มเช่าซื้อในปี 2556 แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ เพราะปัจจัยเรื่องรถคันแรกเป็นปัจจัยใหม่ที่ต้องศึกษา"

นายอิสระกล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้การคุมความเสี่ยงของผู้ให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ขึ้นอยู่กับการบริหารความเสี่ยงของแต่ละแห่งที่ต้องระมัดระวัง ซึ่งการพิจารณาอาจต้องมีการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น โดยจะต้องมีการพิจารณาถึงความสามารถในการชำระและค่าใช้จ่ายของลูกค้าให้มากขึ้นเพื่อประเมินว่าจะสามารถผ่อนได้หรือไม่ รวมทั้งต้องมีการตรวจสอบว่าผู้ซื้อเป็นเจ้าของรถตัวจริงหรือไม่เพื่อป้องกันการสวมสิทธิด้วย

นายณรงค์ ศรีจักรินทร์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารมองว่าความเสี่ยงจากนโยบายรถคันแรกที่หลายคนมองอาจมีผลต่อหนี้เสียในอนาคตนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะแต่ละแห่งมีการบริหารความเสี่ยงที่ดีอยู่แล้ว ในส่วนของธนาคารเองคุณภาพลูกหนี้ที่อยู่ในกลุ่มรถคันแรกที่มีการเริ่มผ่อนชำระมาระยะหนึ่งก็นับว่าอยู่ในเกณฑ์ดี และเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในอนาคต โดยการคุมความเสี่ยงของธนาคารจะมีการตรวจสอบลูกค้าที่เข้มงวด และลูกค้าส่วนใหญ่จะดาวน์ 20% ของราคารถ

รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลจากนโยบายรถคันแรกเร่งทำให้สัดส่วนรถยนต์อีโคคาร์เติบโตขึ้นมาแทนรถยนต์นั่งขนาด 1.5-1.8 พันซีซี ซึ่งมีแง่บวกในการเปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยพัฒนาความสามารถให้เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์อีโคคาร์ในอาเซียน ขณะเดียวกันก็ทำให้โอกาสของไทยในการส่งออกรถยนต์นั่งขนาด 1.5-1.8 พันซีซีลดลงไป โดยการส่งออกรถยนต์ของไทยมีสัดส่วน 9% ของการส่งออกรวม ซึ่งปีนี้การส่งออกรถยนต์ลดลงจาก 50% เหลือ 43% เพราะความต้องการในประเทศมีมากทำให้ค่ายรถยนต์หันไปผลิตเพื่อขายในประเทศเป็นหลัก

"ทั้งนี้นโยบายรถคันแรกมีผลทำให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในระบบสถาบันการเงินมีการเติบโตเพิ่มขึ้นด้วย แต่มีประเด็นที่ต้องจับตาดูคุณภาพสินเชื่อในปีหน้า เพราะผู้ที่ซื้อรถยนต์คันแรกส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ต้องการซื้อรถมอเตอร์ไซค์แต่เห็นผลประโยชน์ด้านภาษีที่ได้คืนทำให้ขยับขึ้นมาซื้อรถยนต์อีโคคาร์แทน ซึ่งภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง"

===============================================================

อย่าคิดว่าไม่มีรถยนต์แล้วเราจะเดินทางไม่ได้นะค่ะ ลองมาดูเมืองอื่นๆที่เค้าใช้จักรยานดูว่ามันน่ารักมากแค่ไหน ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

Life Style : ท่องเที่ยว

วันที่ 2 สิงหาคม 2553 13:41

10 เมืองที่เป็นมิตรกับจักรยาน


ในภาวะปัจจุบันที่ราคาน้ำมันแพงหูฉี่และกระแสรักษ์สิ่งแวดล้อมยังมาแรง ผู้คนจึงหันกลับไปใช้บริการยานพาหนะเก่าแก่ที่มีการประดิษฐ์ขึ้นเมื่อ 120 ปีก่อนอย่าง "จักรยาน"ทุกวันนี้ในเมืองใหญ่หลายๆ เมือง จักรยานไม่เพียงเป็นทางเลือกในการเดินทาง มันยังมีประโยชน์หลายอย่าง เมื่อเร็วๆ นี้ ทางเว็บไซต์ askmen.com ได้จัดอันดับ 10 เมืองที่เป็นมิตรกับการขี่จักรยานมากที่สุดในโลก ดังนี้

ที่มา : http://bit.ly/a6QmDT


อันดับที่ 10 เมืองทรอนด์ไฮม์ ประเทศนอร์เวย์ 
ด้วยความที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นเนินเขา มันจึงกลายเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งของการขี่จักรยานที่นี่ รัฐบาลจึงมีการประดิษฐ์สิ่งที่เรียกว่า “ลิฟต์จักรยาน” ให้ประชาชนเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการสัญจร เจ้าลิฟต์ที่ว่านี้มีชื่อว่า “แทรมป์” ถือเป็นลิฟต์จักรยานตัวแรกของโลก มันทำงานเหมือนกับการลากสกี โดยจะติดตั้งไว้ในจุดที่เป็นเนินเขาเมื่อขี่จักรยานมาถึงตรงนั้นมันก็จะช่วยยกจักรยานเราขึ้นโดยที่ไม่ต้องออกแรงปั่น

อันดับที่ 9 กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
แม้ว่าอัตราการใช้รถยนต์จะเพิ่มขึ้นมากในประเทศจีน แต่การใช้จักรยานยังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทางในปักกิ่ง คุณจะรู้สึกเป็นอิสระเหมือนนกเลยทีเดียวเมื่อมองดูสภาพจราจรที่ติดขัด ส่วนเรื่องมลภาวะก็ไม่น่าห่วงมากนัก เพราะตอนที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดแข่งกีฬาโอลิมปิก ทางการก็ส่งเสริมให้คนขี่จักรยานโดยที่รัฐต้องควบคุมปัญหาคุณภาพอากาศด้วย


อันดับที่ 8 เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน
ในบรรดาประเทศในยุโรปที่ส่งเสริมการใช้จักรยาน บาร์เซโลนาเป็นเมืองหนึ่งที่สร้างทางรถจักรยานที่เรียกว่า “อะ กรีน ริง” หรือวงแหวนเขียว อยู่รอบใจกลางเมือง โดยในวงแหวนนี้จะมีสถานีให้เช่ารถจักรยานกระจายอยู่ถึง 100 แห่ง โดยคนเช่าสามารถนำจักรยานไปคืนที่สถานีไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องนำกลับไปคืนที่สถานีต้นทางที่ตัวเองเช่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการส่งเสริมใช้จักรยานของเมือง

อันดับที่ 7 เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เมืองบาเซิลออกแบบถนนเป็นพิเศษเพื่อรองรับการใช้จักรยานรวมถึงทางสำหรับคนถนัดซ้ายด้วย ทางเมืองยังสนับสนุนเครือข่ายกิจการให้เช่าจักรยานที่สะดวกสบายเพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปโดยไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องการหาที่จอดจักรยาน 

อันดับที่ 6 เมืองพอร์ทแลนด์ รัฐออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา
เมืองพอร์ทแลนด์ได้สร้างทางรถจักรยานโดยเฉพาะให้เชื่อมต่อกับชุมชนเพื่อนบ้าน และยังจำหน่ายรถจักรยานที่มีอุปกรณ์ครบในราคาถูกให้ประชาชนที่ฐานะไม่ดีอีกด้วย สำหรับทางรถจักรยานของพอร์ทแลนด์มีความยาวทั้งสิ้น 260 ไมล์ มีคนหันมาใช้รถจักรยานเกือบ 9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จสำหรับรัฐที่คนใช้รถยนต์เป็นหลัก

อันดับที่ 5 เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา
เมื่อ 2 ปีก่อน มอนทรีออลใช้งบประมาณกว่า 4,500 ล้านบาท ดำเนินการปรับปรุงทางรถจักรยานและสร้างบรรยากาศให้คนรู้สึกอยากใช้จักรยานมากขึ้น รวมถึงการสร้างที่จอดรถจักรยานแบบใช้มิเตอร์เหมือนการจอดรถยนต์ ปัจจุบันมอนทรีออลมีทางรถจักรยานยาว 2,400 ไมล์ และมีแผนที่จะขยายเพิ่มอีก นครใหญ่อันดับ 2 ของแคนาดายังเป็นเมืองแรกของทวีปอเมริกาเหนือที่รวมเอาแผนงานเกี่ยวกับรถจักรยานเข้าไปในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานของเมืองอีกด้วย

อันดับที่ 4 เมืองคูริติบา ประเทศบราซิล
คูริติบาอาจจะเป็นเมืองที่มีการวางผังเมืองดีที่สุดในโลกและทางจักรยานก็เป็นหัวใจสำคัญของผังเมือง เมืองนี้มีความพยายามให้คนใช้จักรยานมาเป็นเวลามากกว่า 40 ปี และผลก็คือทางจักรยานมีให้เห็นทุกหนทุกแห่ง ชาวบราซิลให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้พลังงานทางเลือกและเดินทางด้วยพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีชุมชนที่ทำกิจกรรมรณรงค์การใช้จักรยานเพื่อเป็นทางเลือกแก้ปัญหารถติดอีกด้วย

อันดับที่ 3 เมืองโบโกตา ประเทศโคลัมเบีย
แม้ว่าการรณรงค์ของรัฐบาลโบโกตาให้คนใช้จักรยานจะสู้พวกประเทศในยุโรปและอเมริกาไม่ได้ แต่โบโกตามีความได้เปรียบด้านประชากร เพราะมีประชากรเพียง 13 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เป็นเจ้าของรถยนต์ซึ่งทำให้จักรยานเป็นสิ่งจำเป็น ในทุกๆ วันอาทิตย์ทางเมืองจะปิดถนนยาวประมาณ 70 ไมล์เพื่อให้คนขี่จักรยาน วิ่ง เล่นสเก็ตและทำกิจกรรมอื่นๆ บนถนนโดยไม่ต้องกลัวรถชน 

อันดับที่ 2 กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
ปัจจุบันชาวโคนมจำนวน 32 เปอร์เซ็นต์ เดินทางไปทำงานโดยการขี่จักรยาน ที่นี่มีวัฒนธรรมการส่งเสริมการใช้จักรยานถึงขั้นที่ให้คนเช่าจักรยานฟรี โดยจะให้จ่ายมัดจำไว้ก่อนและเมื่อนำจักรยานมาคืนก็จะคืนเงินให้ โครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับทางจักรยานของประเทศก็เอื้ออำนวยให้การเดินทางโดยจักรยานมีความสะดวกและรวดเร็ว

อันดับที่ 1 กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
กรุงอัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่มีความเป็นมิตรกับการขี่จักรยานมากที่สุด เพราะเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ของการเดินทางในเมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์เป็นการเดินทางโดยใช้จักรยาน และยังมีจักรยานสาธารณะให้เช่ากันอย่างแพร่หลาย แถมกำลังก่อสร้างที่จอดรถจักรยานขนาดใหญ่ที่สถานีรถไฟหลักของเมืองอีกด้วย ถ้าเสร็จเมื่อไหร่ความจำเป็นที่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวก็คงจะหมดไป 





2 ความคิดเห็น:

  1. เข้ามาโหวตให้อีก 1 (4)ครับ
    กำลังจะซื้อรถพอดี สะอึกเลย
    ถ้าว่าง ๆ แวะมาเยี่ยมและโหวตให้กันด้วยนะครับ
    http://www.thailandblogawards.com/blogs/show/1449

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตนะค่ะ
    รู้สึกดีมากๆที่บทความนี้ทำให้คนเราตระหนักมาขึ้นก่อนที่จะซื้ออะไรสักอย่าง
    ไปโหวตให้แล้วนะค่ะ

    ตอบลบ