วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ถ่ายทอดมรดกทางความคิดด้วยตัวหนังสือ





"เริ่มจากรักการอ่านจนกลายเป็นคนที่หลงใหลในการเขียน"

อยากช่วยสร้างฝันของคนที่อยากมีหนังสือเป็นของตนเองให้เป็นจริง 
รวมถึงผู้ที่อยากถ่ายทอดประสบการณ์ของตนเองเพื่อให้แนวคิดดีๆอยู่ในสังคมต่อไป 
เช่น คนใกล้เกษียณที่อยากถ่ายทอดแนวความคิดที่ทรงคุณค่าให้คนรุ่นหลาน 
ผู้บริหารที่ต้องการนำประสบการณ์ที่สั่งสมมาถ่ายทอดเป็นบทเรียนชีวิตให้คนอื่นต่อไป


ตัวอย่างผลงานเขียนบางส่วน














รวมผลงานทั้งหมด http://pajareep.blogspot.com/2014/04/blog-post.html


หากใครสนใจสามารถติดต่อได้โดยตรงที่

Tel. 08-96793398
E-Mail : pajaree.pan24@gmail.com
Line ID : pajaree.pan







วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

[แนะนำ]โต๊ะจีนกับภาชนะให้เช่า ตรา ซุปเปอร์แวร์

ดิฉันมีอุปกรณ์โต๊ะจีนขายและให้เช่าที่ให้บริการภายใน จังหวัดลพบุรี
ซึ่งให้บริการแก่บุคคลทั่วไปและร้านอาหารที่ต้องการจัดงานนอกสถานที่ มีให้บริการ ดังนี้

  1. ให้เช่าอุปกรณ์โต๊ะจีนกับผู้ที่รับจ้างทำอาหาร
  2. ขายอุปกรณ์โต๊ะจีนกับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจจัดงาน เช่น เก้าอี้ ภาชนะโต๊ะจีนที่มีคุณภาพตราศรีไทยซุปเปอร์แวร์
  3. ให้เช่าจัดงานแก่หน่วยงานราชการและบุคคลทั่วไป
  4. ให้เช่าเก้าอี้และผ้าคลุมเก้าอี้ในงานอีเว้นต่างๆ

สำหรับท่านผู้ประกอบการรับทำอาหารโต๊ะจีนที่มาจากต่างจังหวัด แล้วมาจัดงานในจังหวัดลพบุรี อาจจะไม่สะดวกในการขนอุปกรณ์โต๊ะจีนที่ต้องใช้แรงงานและค่าขนส่งสูงมาก ในขณะที่การเช่าอุปกรณ์ของคนในพื้นที่จังหวัดลพบุรีจะทำให้ประหยัดต้นทุนค่าขนส่งและค่าแรงงานได้นะคะ

ถ้าผู้ประกอบการโต๊ะจีนรายใดต้องการซื้อภาชนะหรือเก้าอี้เพื่อประกอบใช้ในกิจการสามารถติดต่อกับดิฉันได้โดยตรงที่ คุณธนภรณ์ 08-19945507 เพราะดิฉันเป็นตัวแทนขายสินค้าของซุปเปอร์แวร์ด้วยเช่นกัน

ลองดูสินค้าตามลิ้งค์นี้นะค่ะ http://www.pantipmarket.com/mall/pasuperware ซึ่งมีบริการสกรีนบนภาชนะและเก้าอี้ด้วยค่ะ












งานวันแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์



ซุปเปอร์แวร์


จานชามที่ใช้บนโต๊ะจีนเป็นสินค้าจากซุปเปอร์แวร์ เมลามีนแท้ แตกยาก ปลอดภัยกับผู้บริโภคเพราะไม่มีสารตกค้างนะจ๊ะ














 

รับสกรีนงาน

ซื้อเพื่อบริจาควัด โรงเรียน โรงพยาบาล ใช้ในสำนักงานหรือใช้ในธุรกิจส่วนตัวก็ได้จ้า






 

ยังมีเก้าอี้สีเจ็บจี๊ดจ๊าดอีกนะจ๊ะ

 








 

 

 สนใจโทรสอบถามได้เลยจ้า ^^

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ความเสี่ยงที่ผู้ขับรถต้องรู้




อะไรบ้างที่เรียกว่า "ความเสี่ยง" ของการขับรถ


ภาพความเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจากสาเหตุต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งนั้นสร้างความสูญเสียไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเกิดกับตัวคนขับรถหรือผู้ที่โดยสารมาด้วยซึ่งอาจจะพิการจนถึงขั้นเสียชีวิต ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนทั้งสิ้น แม้ว่าเราคิดว่าตนเองขับรถปลอดภัย ไม่ประมาทแต่ก็อาจจะประสบอุบัติเหตุได้จากรถคันข้างๆที่ขับแบบไม่ระมัดระวังก็ได้

จากสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนในปี 2554 นั้นเป็นสิ่งที่พวกเราท่องจำขึ้นใจว่าสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุนั้นเกิดจากอะไรบ้าง แต่สุดท้ายมันก็ยังเกิดขึ้นอยู่ดี ซึ่งบางอย่างเราสามารถควบคุมได้จากพฤติกรรมการขับรถของตนเองแต่บางอย่างเราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น มารยาทการขับของรถยนต์ข้างเคียง สภาพอากาศ สภาพถนน สภาพการจราจรฯลฯ

ที่มา : www.bsnnews.com

ทุกอย่างล้วนเป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในชีวิตและทรัพย์สินของเรา ขึ้นอยู่กับตัวเราแล้วหละว่าจะมีการวางแผนสร้างความปลอดภัยในชีวิตอย่างไร ซึ่งวิธีจัดการความเสี่ยงนั้นจะมี 2 รูปแบบ คือ
  1. ยอมรับความเสี่ยงไว้เอง คือ สมมติหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงก็ต้องมาดูว่าความเสียหายส่วนนี้ พรบ.รถยนต์(ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ) คุ้มครองหรือไม่ ถ้าคุ้มครองก็รอดตัวไป แต่ถ้าไม่คุ้มครองเราก็จะต้องจ่ายค่าเสียหายทั้งหมด คราวนี้ก็อาจจะต้องมาลุ้นกันว่าเท่าไหร่ เรามีเงินเพียงพอที่จะจ่ายหรือไม่ 
  2. โอนความเสี่ยง คือ การโอนความเสี่ยงไปให้บริษัทประกันรับผิดชอบแทนเราหรือที่เรียกว่าการซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ สมมติหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงก็ต้องมาดูว่า พรบ.รถยนต์กับประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจที่เราทำไว้คุ้มครองความเสียหายเหล่านั้นหรือไม่ ถ้าครอบคลุมทุกอย่างเราก็เบาใจเรื่องเงินได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าประกันที่ซื้อไว้นั้นไม่ครอบคลุมทุกส่วนก็อาจจะต้องรับผิดชอบเองบางส่วน 
ถ้าเราไม่ต้องการยอมรับความเสี่ยงไว้เอง โดยเลือกโอนความเสี่ยงให้บริษัทประกันภัยรถยนต์รับผิดชอบนั้น  เราควรศึกษาข้อมูลการทำประกันและความคุ้มครองต่างๆให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ เพราะมันหมายถึงความรับผิดชอบต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตในกรณีที่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น

ช่องทางในการเลือกซื้อนั้นมีหลายช่องทาง ซึ่งในยุคออนไลน์แบบนี้ทำให้เราเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย เพียงแค่มีอินเตอร์เน็ต  ตอนนี้เรามองไปทางไหนก็เห็นแต่ "สังคมก้มหน้า" เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยเพราะจากพฤติกรรมที่คนไทยใช้งานอินเตอร์เน็ตเฉลี่ย 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์(เพิ่มขึ้นจากปี 2544 ถึง 77%) ทำให้รู้ว่าอินเตอร์เน็ตนั้นมีอิทธิพลต่อชีวิตและเข้ามาแบ่งเวลาส่วนตัวของเรามากขึ้นทุกวัน เช่น
  • การเล่นเกมส์ออนไลน์
  • สงสัยเรื่องอะไรก็ถามจาก Google 
  • เปรียบเทียบสินค้าหรือบริการก็หาอ่านจากกระทู้
  • หาร้านเด็ดร้านดังก็ตามอ่านรีวิวร้านแนะนำของบล็อกเกอร์นักชิม
  • สร้างความสะดวกสบายด้วยการซื้อสินค้าออนไลน์
โลกอินเตอร์เน็ตทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูลสินค้าหรือบริการที่เราต้องการ ช่องทางในการจ่ายเงินที่ง่ายและปลอดภัย จุดนี้เองที่ทำให้อัตราการซื้อสินค้าและบริการออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ

แม้กระทั่งรูปแบบการซื้อประกันภัยรถยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไป จากสถิติการรับประกันภัยวินาศภัยรถยนต์ที่แบ่งตามช่องทางการขายจัดทำขึ้นโดย คปภ.ในระหว่างปี 2555-2556(คปภ.เริ่มบังคับเก็บสถิตินี้ปี 2555) การขายประกันภัยรถยนต์ทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ตนั้นได้เติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งมีจำนวนเงินประกันภัยที่บริษัทประกันภัยรับไปนั้นเพิ่มขึ้นเกิน 300% 

ที่มา : ข้อมูลสถิติประกันภัยโดยคปภ.

มองได้ว่าช่องทางการขายผ่านอินเตอร์เน็ตนั้นได้รับการยอมรับในระดับหนึ่ง เพราะความง่ายและสะดวกสบายในเรื่องต่างๆ เช่น
  • การเลือกซื้อแบบประกันที่เหมาะสมกับตนเอง
  • ช่องทางการชำระเงินที่สะดวกและปลอดภัย
  • ประเด็นที่สำคัญที่สุด คือ ข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่เข้าถึงง่าย ซึ่งอินเตอร์เน็ตทำให้เราค้นข้อมูลได้มากที่สุดตามที่เราต้องการโดยการอ่านในเว็ปไซต์ หรือมีข้อสงสัยสามารถฝากคำถามไว้ใน Facebook เพื่อให้เจ้าหน้าที่โทรกลับก็ได้

ตัวอย่าง(Advertorial) บริษัทประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ DirectAsia.com
  • ช่องทางติดต่อ
Link : www.facebook.com/DirectAsiaThailand

  • การันตีราคา ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
Link : www.directasia.co.th/th/promotion/best-price-guarantee/

Link : http://www.directasia.co.th/th/car-insurance

  • ช่องทางชำระเงิน
 Link :  http://www.directasia.co.th/th/about/how-to-buy
Link : http://www.directasia.co.th/th/about/how-to-buy

  • บล็อก ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ 
Link : http://www.directasia.co.th/blog



หมายเหตุ :

==> Advertorial
==> ขอบคุณข้อมูลสถิติประกันภัยจำแนกตามช่องทางการขายจัดทำโดย คปภ. ดังนี้



วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557

โรงรับจำนำที่รัก


นอกจาก "บัตรกดเงินสด" และ "การกู้นอกระบบ" ที่ทำให้เราได้รับเงินสดอย่างรวดเร็ว แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสุดโหด จะดีกว่าไหมถ้ามีวิธีที่ทำให้ได้รับเงินสดเร็วเหมือนกัน แต่ดอกเบี้ยถูกกว่า

โรงรับจำนำ คือคำตอบสุดท้าย

โรงรับจำนำ คือ สถานที่ที่ทำให้เราเข้าถึงเงินสดได้เร็วเพียงไม่กี่นาทีและอยู่คู่กับสังคมไทยมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันมีโรงรับจำนำประมาณ 600 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นโรงรับจำนำของรัฐบาล(เรียกว่า "สถานธนานุเคราะห์")และโรงรับจำนำของเอกชน

ช่วงที่คึกคักที่สุดของโรงรับจำนำ คือ ก่อนโรงเรียนเปิดเทอม เพราะผู้ปกครองจะนำทรัพย์สินมีค่ามาจำนำเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายอุปกรณ์การเรียนและค่าเทอมให้บุตรหลาน โดย 95% จะเป็นการจำนำด้วยทองคำรูปพรรณ

ตัวอย่าง ดอกเบี้ยรับจำนำของสถานธนานุเคราะห์




หมายเหตุ : ดอกเบี้ยจำนำนี้มีระยะเวลาตั้งแต่ 1 เม.ย. 61
                   สามารถอัพเดทข้อมูลดอกเบี้ยได้ในเว็ปนี้ http://www.pawn.co.th/question_a.php


==> กลุ่มคนที่ใช้ประโยชน์จากโรงรับจำนำมี 2 กลุ่ม คือ

ผู้จำนำ
    • โอกาสในการเข้าถึงเงินสดที่รวดเร็วโดยนำทรัพย์สินที่มีมาจำนำเพื่อนำเงินสดไปหมุนในช่วงสั้นๆ ถ้ามีเงินก็มาจ่ายและนำทรัพย์สินกลับไป แต่ถ้าขาดส่งดอกเบี้ยหรือไม่มาไถ่ถอนภายในระยะเวลา 4 เดือนกับ 30 วัน (หรือประมาณ 5 เดือน) จะถือว่าหลุดจำนำ

    • มุมมองของการออม คือ ก่อนจะซื้ออะไรควรคิดว่าของที่ซื้อสามารถทำประโยชน์ให้กับเราในช่วงที่มีความจำเป็นเร่งด่วนได้หรือไม่ โดยเฉพาะรายจ่ายฟุ่มเฟือยจากการช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าที่มีมากเกินความจำเป็น 

ผู้ประมูลของหลุดจำนำ 
    • โอกาสในการสร้างรายได้จากของหลุดจำนำ โดยพ่อค้าหรือประชาชนทั่วไปที่ต้องการประมูลนั้นสามารถเข้าประมูลได้ทุกวันอังคาร พุธและพฤหัสบดี ที่สถานธนานุเคราะห์ 

    • ทองคำรูปพรรณ - เจ้าหน้าที่จะนำทองคำรูปพรรณมามัดรวมกันเป็นชุดๆ(ชุดละประมาณ 6 บาท) แล้วเปิดประมูล พ่อค้าที่ได้ทองจากการประมูลจะนำทองคำรูปพรรณนั้นมาหลอมรวมกันใหม่เป็นทองคำแท่งเพื่อขายต่อหรือนำไปขึ้นรูปเป็นทองคำรูปพรรณต่อไป

    • ทรัพย์เบ็ดเตล็ด - บุคคลที่ประมูลได้จะนำมาขายในร้านค้าของตนเองหรือขายที่ตลาดนัด โดยบุคคลทั่วไปที่มาเลือกซื้อสินค้าหลุดจำนำ เพราะมีราคาถูกและมีใบรับประกันว่าเป็นของหลุดจำนำจริงๆ

==> ทรัพย์สินที่สามารถนำมาจำนำได้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
  1. ทรัพย์สินมีค่า เช่น เงิน ทอง นาค เพชร พลอย
  2. ทรัพยสินเบ็ดเตล็ด เช่น นาฬิกา เครื่องมือช่าง เครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า

==> ขั้นตอนคร่าวๆในการจำนำทรัพย์สิน
  1. บอกจำนวนเงินของทรัพย์สินที่เราต้องการมาจำนำว่าต้องการได้เงินเท่าไหร่
  2. หลงจู๊จะตรวจดูทรัพย์สินแล้วประเมินราคาอีกครั้ง
  3. ถ้าตกลงราคาได้แล้วจะบันทึกข้อมูลแล้วออกตั๋วจำนำ
  4. พิมพ์ลายนิ้วมือแทนการเซ็นชื่อเพราะลายนิ้วมือปลอมแปลงไม่ได้
  5. เจ้าหน้าที่จะนำทรัพย์สินนั้นไปเก็บในห้องมั่นคง
  6. ถ้ามีเงินก็มาไถ่คืน แต่ถ้าครบกำหนดแล้วไม่ไถ่ถอนหรือไม่ส่งดอกเบี้ยก็จะหลุดจำนำและนำไปประมูลต่อไป

==========================================================

ขอขอบคุณวีดีโอที่ทำให้เรารู้จักโรงรับจำนำมากขึ้น







วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557

การออมเงินที่ได้ประโยชน์ 3 ต่อ


การหาแหล่งพักเงินที่ตรงกับเป้าหมายการใช้เงินนั้นเป็นสิ่งสำคัญ คือ
  • เป้าหมายการใช้เงินในระยะสั้น ==> ฝากเงินหรือลงทุนระยะสั้น
  • เป้าหมายการใช้เงินระยะยาว ==> ฝากเงินหรือลงทุนระยะยาว 
ตัวอย่างแหล่งพักเงินกับเป้าหมาย
  • ต้องการเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศในอีก 5 เดือนข้างหน้า โดยออมเงินใน LTF 
    • ไม่ถูกต้อง เพราะ LTF เป็นการลงทุนที่ขายได้เมื่อครบกำหนด 5 ปี แต่ระยะเวลาที่ต้องการใช้เงินในอีก 5 เดือนข้างหน้า เป็นระยะเวลาที่แตกต่างกัน 
    • ที่ถูกต้องควรฝากเงินในรูปแบบฝากประออมทรัพย์หรือฝากประจำที่ครบกำหนด 3 เดือน 
  • ต้องการเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณอายุ 60 ปี โดยนำเงินทั้งหมดซื้อหุ้นเก็งกำไร
    • ไม่ถูกต้อง จากความเสี่ยงของการลงทุนเพราะไม่กระจายการลงทุน สมมติว่าถ้าช่วงนั้นเราเจอแจ็กพอตเป็นวิกฤตเศรษฐกิจทำให้สถาบันการเงินล้มลงอีกครั้งก็อาจจะต้องร้องโฮ เพราะเงินที่เก็บไว้ใช้หลังเกษียณอาจจะลดลง 
    • ที่ถูกต้องควรออมไว้ในแหล่งพักเงินสำหรับคนเกษียณในรูปแบบ RMF หรือ ประกันชีวิตชนิดบำนาญ แต่ถ้าต้องการลงทุนหุ้นควรจัดพอร์ตการลงทุนที่ไม่ให้น้ำหนักกับการลงทุนในหุ้นมากเกินไป
เราควรตั้งเป้าหมายก่อนว่าจะออมเงินไปเพื่ออะไร แล้วจึงศึกษาว่ามีแหล่งพักเงินอะไรบ้างที่ตอบโจทย์กับเราบ้าง แต่ถ้ามีการออมเงินหลายวิธีก็ดูความเสี่ยงที่เรายอมรับได้

เป้าหมาย ==> *แหล่งพักเงิน ==> ความเสี่ยงที่ยอมรับได้

*หมายเหตุ ใช้คำพูดให้ง่ายโดยใช้คำพูดแทนความหมาย
แหล่งพักเงิน คือ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินในตลาดเงินและตลาดทุน

เราขอแนะนำวิธีออมเงินที่จะได้รับประโยชน์ 2-3 ต่อ โดยใช้แหล่งพักเงินให้เหมาะกับเป้าหมายการใช้เงิน วิธีการเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างที่ผู้อ่านสามารถนำมาปรับใช้ให้ตรงกับเป้าหมายของแต่ละคน เช่น เก็บเงินเพื่อประกอบธุรกิจส่วน เก็บเงินเพื่อสร้างครอบครัว เก็บเงินก้อนเพื่อซื้อบ้าน ฯลฯ

วิธีการออมเงินเพื่อการศึกษาของลูก
  1. ระยะยาวได้รับประโยชน์ 3 ต่อ
  2. ระยะปานกลางได้รับประโยชน์ 2 ต่อ
1. การออมเงินระยะยาว
วิธีการออมที่ได้ประโยชน์ 3 ต่อ  คือ
  • ได้ลดหย่อนภาษี 
    • ลดหย่อนภาษีที่ไม่เกิน 100,000 บาท(ที่เรียกทั่วไปว่า "แสนบาทแรก") ในตัวอย่างนี้ลดหย่อนภาษีได้ปีละ 74,700 บาทจำนวน 7 ปี(ลดหย่อนได้เฉพาะปีที่จ่ายเท่านั้น)
  • มีเงินเพื่อการศึกษาลูก
    • มั่นใจว่ามีเงินก้อนเพื่อการศึกษาลูกในระดับมหาวิทยาลัยในจำนวนที่แน่นอน
  • คุ้มครองชีวิต
    • ได้รับความคุ้มครองชีวิต 15 ปี
การวางแผนออมเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยให้ลูกนั้นต้องใช้วินัยเรื่องการออมค่อนข้างสูงเพราะเป็นการออมระยะยาว ดังนั้น จึงคัดเลือกแหล่งพักเงินระยะยาวที่มีระยะเวลาพอดีกับช่วงที่จะใช้เงินและมีลักษณะการบังคับให้ออมโดยอัตโนมัติ

จากเงิื่อนไขข้างต้นเราเลือกแหล่งพักเงินเป็นประกันชีวิตสะสมทรัพย์ 15 ปี ชำระเบี้ยประกัน 7 ปี โดยเริ่มออมตั้งแต่ลูกอายุ 3 ปี เพื่อใช้ในระดับมหาวิทยาลัยขณะที่ลูกอายุ 18 ปี


การเลือกว่าจะทำทุนประกันที่เท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับแต่ละคน(ไม่ได้ขายของแต่ยกตัวอย่างเพื่อสร้างความเข้าใจเท่านั้น) ในตัวอย่างนี้ คุณอภินิหารเงินออมอายุ 30 ปีต้องการวางแผนการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยให้ลูก โดยเลือกทำทุนประกัน 300,000 บาท จ่ายชำระเบี้ยประกัน 7 ปีและได้รับความคุ้มครอง 15 ปี ซึ่งมีเงื่อนไขกรมธรรม์ดังนี้
  • ชำระเบี้ยประกันปีละ 74,700 บาท(แบ่งเงินออมเดือนละ 6,225 บาท/เดือน อ่านวิธีการออมเงินเพิ่มเติมได้ที่ "สร้างเงินล้านได้จากเงินสะสม 6,209 บาท")
  • ได้รับเงินคืน 4% ทุก 2 ปี คือ 12,000 บาท
  • ได้รับเงินตลอดระยะเวลา 15 ปีทั้งหมด 609,000 บาท
  • เงินปันผลแล้วแต่บริษัทประกันจะจ่ายซึ่งระบุเป็นรายปี

สรุปว่า เราออมเงินปีละ 74,700 บาท ระยะเวลาทั้งหมด 7 ปี ครบกำหนดได้รับเงินคืนขณะที่ลูกอายุ 18 ปี คือ 525,000 บาทรวมกับเงินสดรับคืนตลอดระยะเวลา 15 ปีคือ 84,000 บาท รวมทั้งสิ้น 609,000 บาท เก็บเงินส่วนนี้ให้ลูกเพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับมหาวิยาลัย
2. การออมเงินระยะปานกลาง
วิธีการออมที่ได้ประโยชน์ 2 ต่อ คือ
  • ได้ลดหย่อนภาษี ตามฐานภาษีของเรา
  • มีเงินเพื่อการศึกษาลูก ในปีที่ครบกำหนดขาย
ข้อกำหนดของ LTF ที่ขายได้เมื่อครบ 5 ปีนั้นมีประโยชน์ในแง่การสร้างนิสัยออมเงินเพื่อเป้าหมายระยะปานกลางที่มากกว่าการลดหย่อนภาษี จากตัวอย่างตารางข้างล่างนี้จะเป็นการจัดระบบการออมเงินเพื่อเป้าหมายทุนการศึกษาของลูก


สรุปว่า
  • เราซื้อ LTF กองที่ 1 ขณะที่ลูกอายุ 1 ปี เมื่อครบ 5 ปีจึงขายกองทุนเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูกขณะที่ลูกอายุ 5 ปี
  • เราซื้อ LTF กองที่ 2 ขณะที่ลูกอายุ 2 ปี เมื่อครบ 5 ปีจึงขายกองทุนเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูกขณะที่ลูกอายุ 6 ปี
  • ซื้อ LTF และขายลักษณะแบบนี้ไปเรื่อยๆ 

แหล่งพักเงินออมที่ดีนั้นควรตอบโจทย์กับเป้าหมายการออมของเรา แต่การมีวินัยเรื่องการออมนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน บางครั้งเราอาจจะต้องยอมสูญเสียความสุขในระยะสั้นเพื่อเป้าหมายระยะยาว แต่เป็นความสูญเสียที่มีผลลัพธ์เป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจที่ทำให้เราบรรลุเป้าหมายในสิ่งที่เราต้องการ





วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557

เลิกบุหรี่มีเงินล้าน!!!


บุหรี่!! เป็นการออมที่ได้รับดอกเบี้ยเป็นโรคสารพัดชนิด

บางคนรู้ทั้งรู้แต่ยังเลิกไม่ได้ กำลังใจอย่างเดียวอาจจะไม่พอ เราลองหาวิธีใหม่เพื่อช่วยให้คุณเลิกบุหรี่ โดยคำนวณตัวเลขที่คุณเห็นแล้วอาจจะต้องสำลักควันบุหรี่ขณะอ่านบทความนี้ก็ได้

เราสมมติครอบครัวอย่างง่ายเพื่อให้เห็นภาพว่าผลกระทบจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง การคำนวณตัวเลขก็จะเป็นการบวกลบง่ายๆ เพื่อให้เข้าใจแนวคิดเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงเงินออม  สวัสดิการ อัตราเงินเฟ้อ อัตราการเพิ่มขึ้นของเงินเดือน สภาวะเศรษฐกิจ ฯลฯ (ถ้าจะคำนวณด้วยปัจจัยเยอะขนาดนั้นรบกวนเข้าสูตรใน Excel เพราะปัจจัยของแต่ละคนแตกต่างกัน)

สมมติว่าคุณนักสูบอายุ 40 ปี ชื่นชอบการสูบบุหรี่มาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ขณะนี้แต่งงานแล้วมีลูกอายุ 10 ขวบ 1 คน ทำงานมีเงินเดือนเฉลี่ย 50,000 บาท เป็นหัวหน้าครอบครัวทำงานคนเดียว จากเรื่องราวนี้น่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง

เหตุการณ์ที่ 1 ลูกและภรรยาป่วยจากควันบุหรี่มือสอง
มรดกควันบุหรี่ที่เอื้อเฟื้อแก่คนในครอบครัว ทำให้ลูกและภรรยาป่วยเป็นโรค หัวหน้าครอบครัวอาจจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหาเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาลให้ลูกและภรรยา ทำให้เงินออมที่มีลดน้อยลง หรืออาจจะมีภาระหนี้มากขึ้นจากการกู้ยืมเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล

ควันบุหรี่มือสอง ==> ลูกและภรรยาป่วย ==> พ่อทำงานมากขึ้น ==> เงินออมลดลงหรือมีหนี้เพิ่มขึ้น

เหตุการณ์ที่ 2 คุณนักสูบเสียชีวิตที่อายุ 40 ปี
เราจะแบ่งการเสียชีวิตออกเป็น 2 แบบ คือ ก่อนและหลังเสียชีวิต

ก่อนเสียชีิวิต
  • ค่าใช้จ่ายที่หมดไปกับควันบุหรี่
    • สมมติสูบวันละ 1 ซอง ราคาซองละ 60 บาท = 365 x 60 = 21,900 บาท/ปี
    • สูบมา 10 ปี คือ 21,900 x 10 = 219,000 บาท (นี่แหละเงินออมที่หายไป)
  • ค่าใช้จ่ายที่หมดไปกับค่ารักษาพยาบาลก่อนเสียชีวิตจะมากหรือน้อยก็แล้วแต่อาการของแต่ละคน ถ้าคิดจะสูบก็เตรียมเงินส่วนนี้รอไว้ด้วย แยกเป็นบัญชีเงินออมว่า "บัญชีเพื่อรักษาโรคที่เกิดจากบุหรี่" เวลาป่วยจะได้ถอนเงินส่วนนี้ออกมาใช้ 
  • ความทรมานก่อนตาย การสูบบุหรี่นั้นไม่ได้สูบแล้วตายเลย แต่เป็นโรคที่ทำให้ตายอย่างช้าๆ เช่น โรคมะเร็งปอดที่มีอาการ ไอมีเสมหะ ไอเป็นเลือด หายใจหอบ เจ็บหน้าอก เดินแล้วเหนื่อยง่าย ดูเป็นโรคที่โหดร้ายและเลือดเย็นมาก ควรเตรียมล่วงหน้าโดยเก็บข้อมูลผู้ป่วยในโรงพยาบาลว่าต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้างในขณะรักษาตัว เช่น เตียงผู้ป่วย สายน้ำเกลือ ถังออกซิเจน ฯลฯ จะได้เตรียมค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไว้ด้วย 

ภาพความทรมานจากการสูบบุหรี่จาก YouTube

หลังเสียชีวิต
  • รายได้ในอนาคตหายวับไปทันที 12,000,000 บาท  
    • คิดตัวเลขกลมๆอย่างว่า ถ้าคุณนักสูบทำงานอีก 20 ปี เงินเดือนเฉลี่ย 50,000 บาทจนถึงอายุ 60 ปี คือ (50,000 x 12) x 20 แล้วถ้าเงินเดือนมีการเพิ่มขึ้นปีละ 3% หละตัวเลขจะเป็นเท่าไหร่ ฮึฮึ 
  • ภาระค่าใช้จ่ายต่างๆก็จะตกเป็นของภรรยาที่แต่ก่อนดูแลบ้านเฉยๆ ก็อาจจะต้องออกมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัวแทนคุณนักสูบ 
ตอนจบของคุณนักสูบจะเป็นอย่างไรไม่สามารถบอกได้เพราะเป็นเพียงเรื่องสมมติ แต่ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร รบกวนผู้ที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ตอนนี้ลองใช้วิธีเขียนตัวเลขตามตัวอย่างข้างต้นว่า "ถ้าเสียชีวิต ณ วันนี้จะมีตัวเลขรายรับ - รายจ่ายอะไรเกิดขึ้นบ้าง" คิดเป็นตัวเลขกลมๆอย่างง่าย แล้วถ่ายรูปตัวเลขนั้นไว้ที่หน้าจอมือถือ เวลาใช้โทรศัพท์จะได้เห็นตัวเลขนั้นเตือนใจตัวเองตลอดเวลาว่ายังอยากสูบบุหรี่ต่อไปหรือไม่






วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2557

รวมผลงานของอภินิหารเงินออม

การเขียนบล็อกอภินิหารเงินออมนั้นเปิดโอกาสให้เราทำอะไรหลายอย่างที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ ขอบคุณทุกท่านที่มอบโอกาสดีๆนะคะ จากนี้ไปเราจะเริ่มทดสอบความสามารถของตัวเองว่าจะมีขีดความสามารถสูงสุดได้ถึงระดับไหน มีพัฒนาการเขียนเป็นอย่างไร และประเด็นสำคัญ คือ ต้องการรวบรวมผลงานเพื่อสร้างโอกาสในงานเขียนอื่นๆต่อไปค่ะ

การเดินทางของอภินิหารเงินออม ......

==> บทความแรก

ณ 5/5/55 (พึ่งปรับเขตเวลาใหม่ทำให้วันที่เคลื่อน)


==> Pocket Book

สำนักพิมพ์ Think Beyond วางจำหน่ายในร้านหนังสือตั้งแต่เดือน พ.ย. 56 




สำนักพิมพ์อมรินทร์เริ่มจำหน่ายวันที่ 11/11/14 
อ่านได้ทุกเพศ ทุกวัย พิมพ์สีสันน่าอ่านมากๆค่ะ 





==> Men's Health & Around Magazine
  • Men's Health : เริ่มเขียนเดือน ก.ค. 56 - ปัจจุบัน โดยใช้ชื่อ "อภินิหารเงินออม" เขียนในส่วน Life Coach : Healthy Wallet เป็นเรื่องการออมเงินเท่านั้นนะจ๊ะ 
  • Around Magazine : เขียนในปี 56 จำนวน 4 บทความ ปัจจุบันไมไ่ด้เขียนแล้ว

ฮาตรงที่เล่มแรกที่เราเริ่มเขียนมีหนุ่มหน้าตี๋คนนี้ขึ้นปก น่ารักอ่ะ  ^_^



==> Booklet เรื่องเกี่ยวกับ LTF & RMF 

เขียนร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยแจกให้นักลงทุนที่สนใจการลดหย่อนภาษีจาก LTF&RMF สามารถโหลดอ่านได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้นะจ๊ะ

 http://bit.ly/1otb1Yy
Link : http://bit.ly/1otb1Yy

==> Aommoney

เว็ปที่ทำร่วมกับเพื่อนที่มีความถนัดเกี่ยวกับการบริหารการเงินแตกต่างกัน เช่น หุ้น กองทุนรวม ภาษี การลงทุน โดยมีน้องรุ่นใหม่ไฟแรงที่ทำ Infographic สนับสนุนเรื่อง Media ต่างๆ โดยมีเป้าหมายที่จะให้เว็บนี้เป็นชุมชนของการออมอย่างแท้จริง

"คิดถึงออมเงิน คิดถึง Aommoney"



บทสัมภาษณ์กับ TCIJ วันที่ 1 ก.ย.57



บทสัมภาษณ์ในโพสทูเดย์ วางแผนวันที่ 20 ก.ย.57



ออกสื่อทางทีวีครั้งแรกที่ "ไทยรัฐทีวี" ณ วันที่ 7 ต.ค. 57






รายการสตรีสโมสร เคเบิลทีวีช่อง 65 วันที่ 31 ตุลาคม 57



รายการ The Profit ฉลาดลงทุน ทางช่อง AMARIN TVHD 
วันที่ 8 มกราคม 58









==> วิทยากร

 http://bit.ly/1nkvVU9

........................................................................................................



สัมมนาครั้งแรกของ Aommoney วันที่ 20 ก.ย.57


........................................................................................................



สัมมนาการออมเงินให้กับบริษัท เอสเอ็ม ไซโคล(ประเทศไทย) จำกัด



........................................................................................................



บรรยาย ณ ค่ายเสริมพลังสานฝันเยาวชนคนเก่งปีที่ 6 


วันที่ 11 พ.ค. 58 

........................................................................................................




วันที่ 17 พ.ค. 58

........................................................................................................



==> Krungsri GURU
เปิดตัวในวันที่ 25 พ.ย.57




บทความใน Krungsri GURU








==> Sanook

โพสวันที่ 16 มี.ค. 57 


โพสวันที่ 30 มี.ค. 57


โพสวันที่ 13 เม.ย. 57


โพสวันที่ 27 เม.ย. 57


โพสวันที่ 11 พ.ค. 57


โพสวันที่ 25 พ.ค. 57


โพสวันที่ 8 มิ.ย. 57



โพสวันที่ 22 มิ.ย. 57



โพสวันที่ 20 ก.ค. 57

 http://money.sanook.com/199241


โพสวันที่ 4 ส.ค. 57

 http://money.sanook.com/203657


โพสวันที่ 17 ส.ค. 57



โพสวันที่ 1 ก.ย. 57

 http://money.sanook.com/211593


โพสวันที่ 15 ก.ย. 57



โพสวันที่ 29 ก.ย. 57



โพสวันที่ 13 ต.ค. 57



โพสวันที่ 27 ต.ค. 57



โพสวันที่ 24 พ.ย.57



โพสวันที่ 8 ธ.ค. 57