วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เราทำงานไปเพื่ออะไร?

คำถามนี้เป็นคำถามแรกหลังจากเรียนจบใหม่ๆ

เราทำงานไปเพื่ออะไร?
  • เพื่อความฝัน 
  • เพื่ออุดมการณ์ 
  • เพื่อความสุขของสังคม
  • เพื่อเงินทอง 
  • เพื่อความมั่งคั่ง ร่ำรวย
  • เพื่อเกียรติยศชื่อเสียง 
  • เพื่อ........
คำตอบของคุณคืออะไร==> ??

สิ่งนี้คือคำตอบของเรา ==> เราอาจจะเป็นคนนึงที่เลือกใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ ว่าอะไรที่เราทำแล้วไม่เบื่อ ทำได้ทั้งวันทั้งคืนไม่เหน็ดเหนื่อย เกิดความท้าทายและมีความสุขทุกครั้งที่ได้คิดหรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆตลอดเวลา สิ่งนั้นคือ งานแฮนด์เมด 

ตัวอย่างการ์ดที่เคยทำ


ไอเดียบรรเจิดในการทำงานเริ่มต้นตอน 3 ทุ่มจนกระทั่งตี 2 เกือบทุกวัน ยิ่งดึกไอเดียยิ่งกระฉูด เว็ปที่เห็นบนรูปนี้ถูกยกเลิกไปแล้วเพราะเป็นเว็ปขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ต ถ้าไม่ต่อสัญญาก็ถูกยกเลิก การ์ดใบนี้ขนาด A4 เป็นการ์ดเย็บลิบบิ้นลงบนกระดาษชานอ้อย แล้วตกแต่งด้วยสีไม้ ทำเป็นชั่วโมงกว่าจะเสร็จ เพราะไม่ชอบทำงานซ้ำๆกัน การ์ดใบนี้จึงทำแค่ใบเดียว ถูกซื้อไปโดยเด็กมัธยมปีที่ 3 จ.เชียงใหม่ ตอนแรกกะตั้งขายราคาสูงเวอร์ๆ เพื่อโชว์ผลงานโดยไม่คิดว่าจะมีคนซื้อ พอมีคนมาซื้อจริงๆก็เสียดายไม่อยากขาย ถึงเราจะติ๊ดแตกแค่ไหนแต่ก็ต้องกินข้าว เราก็แค่ตัดใจขายแล้วก็บอกน้องเค้าไปว่า "ดูแลของพี่ให้ดีๆด้วยนะ พี่รักมาก" 

ผลงานเกือบทั้งหมดอยู่ในลิ้งค์นี้ค่ะ ==> http://www.oknation.net/blog/myhandmade

บางครั้งความฝันกับความจริงมันก็ไปด้วยกันไม่ได้ งานแฮนด์เมดแต่ละชิ้นใช้เวลาผลิตนาน กว่าจะขายได้ก็ใช้เวลานานด้วยเช่นกัน กำัลังผลิตมีเพียงคนเดียว จะไปจ้างคนอื่นทำก็ไม่ได้เพราะงานแต่ละชิ้นเราจะผลิตอย่างมากแค่ 4-5 ชิ้นเท่านั้น เลยคิดว่าถ้าเรามีงานเป็นหลักเป็นแหล่ง ไม่ต้องห่วงเรื่องรายจ่ายครอบครัวก็น่าจะดีกว่านี้ไหม ต่อมความคิดเริ่มทำงานว่าเราต้องหางานประจำทำแล้วหละ การสมัครงานทางอินเตอร์เน็ตง่ายแค่คลิกจริงๆ สมัครงานให้ได้มากที่สุด เผื่อว่าจะมีเรียกให้เราไปสัมภาษณ์เข้างานสักที่ก็ยังดี ขอบคุณประสบการณ์ทำงานที่แรกที่ทำให้เรารู้ว่าเราต้องการอะไร ซึ่งสิ่งที่เราอยากทำมันต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด เราก็ยินดีที่จะเริ่มต้นใหม่โดยการเรียนต่อในสายงานเพื่อตอบโจทย์ความฝันของตนเอง ถ้าความฝันใหม่ของเราสำเร็จก็จะกลับมานั่งทำงานแฮนด์เมดที่เรารักอีกครั้ง

ความฝันใหม่ของเราคือ อยากให้คนทำงานรู้จักเก็บออมเงินที่ได้จากการทำงานมากขึ้น ให้มองว่าเรื่องการบริหารการเงินส่วนบุคคลเป็นเรื่องง่ายๆที่ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ใช่เฉพาะคนรวยอีกต่อไป 

เราทำงานเพื่อ ==> ความฝัน ผลตอบแทนที่ได้มีค่ายิ่งกว่าตัวเงิน ซึ่งมันคือความสุขที่เห็นคนรอบข้างไม่ต้องดิ้นรนจนเกินตัวเพื่อหาเงินมาตอบสนองกิเลสที่เกินความจำเป็นของตนเอง บางคนได้เงินมาใช้จ่ายอย่างสบายจากความสูญเสียของคนอื่น มันก็ต้องมีสักวันที่คนเหล่านั้นต้องได้รับบทเรียนชีวิตกลับคืนไปเช่นกัน

ถ้าใครค้นหาตนเองเจอเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะจะได้ทำสิ่งที่ตนรัก  แต่ถ้ายังหาไม่เจอหละจะทำยังไงดี วีดีโอนี้น่าจะช่วยคุณได้ เป็นความบังเอิญที่หาข้อมูลเพื่อเขียนบล็อกนี้แล้วเจอวีดีโอนี้น่าสนใจเพราะคุณเอมี่ ฮาน่า เป็นคนไทยที่เรียนจบพยาบาลแล้วได้เป็นช่างภาพมืออาชีพที่อเมริกา ไม่เคยเรียนการถ่ายภาพจึงไม่มีกรอบในการทำงาน ผลงานจึงแวกแนวกว่าช่างถ่ายภาพทั่วไป เส้นทางในการทำงานมาจากความรักในการถ่ายภาพ จึงเกิดเป็นการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ตนเองรัก การสร้างผลงานใหม่ๆ เป็นความท้าทาย ประสบการณ์และการเดินทางของความฝันจากอาชีพพยาบาลจนเป็นช่างภาพใช้เวลามากกว่าสิบปีมาเป็นบทสัมภาษณ์เพียงแค่หนึ่งชั่วโมง นับว่าคุ้มค่ามากต่อการตามหาความฝันเพื่อค้นหาสิ่งที่ตนเองต้องการในชีวิต สำหรับคนที่ความฝันสูญหายไปแล้ว ลองฟังเพื่อจุดไฟขึ้นมาอีกครั้งนะค่ะ



ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ (จบพยาบาล แต่ไปเป็นช่างภาพมืออาชีพที่ USA)

ถ้าวีดีโอข้างบนยังไม่สามารถปลุกไฟของความฝันให้ลุกขึ้นมาได้ก็ลองอ่านประสบการณ์ชีวิตของผู้อื่นเพิ่มเติมนะค่ะ บางครั้งเราต้องเรียนรู้อดีตเพื่อประยุกต์ใช้กับปัจจุบันและอนาคต ประสบการณ์จะผู้เกษียณอายุนั้นมีค่ามากต่อคนรุ่นหลัง เพราะเป็นการเตือนล่วงหน้าว่าหนทางข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เราไม่ต้องรอให้ถึงวัยเกษียณแล้วต้องมาเรียนรู้เอง เพราะตอนนั้นอาจจะสายเกินแก้ การเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่นจะทำให้เราหาทางลัดให้ชีวิตง่ายขึ้น เราลองไปหาข้อมูลว่าอะไรที่เราอยากจะทำก่อนตายก็เจอข่าวนี้ของ manager online ที่นำเสนอข้อมูลในบล็อกของนางพยาบาลชาวออสซี่ ชื่อว่า Bronnie Ware มาเผยแพร่ โดยที่เธอนั้นทำงานกับผู้ป่วยระยะสุดท้ายและให้กำลังใจคนแก่ที่เจ็บป่วยก่อนที่จะเสียชีวิตลงอย่างสงบ จึงได้รวบรวมสิ่งที่คนเหล่านั้นรู้สึกเสียดายและเสียใจเอาไว้มากมายในบล็อกของเธอ ดังนี้
  1. เสียดายที่ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตนเองต้องการ
  2. ทำงานหนักเกินไปจนลืมชีวิตครอบครัว
  3. เสียใจที่ไม่ได้พูดในสิ่งที่รู้สึก
  4. เสียใจที่ไม่ได้ใช้เวลากับเพื่อนอย่างคุ้มค่า
  5. เสียใจที่ไม่ได้เลือกที่จะมี "ความสุข"
(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.manager.co.th)

อย่าให้บล็อกนี้แค่อ่านจบแล้วผ่านไปเฉยๆ การคิดก็จะเป็นแค่การคิดเท่านั้น มันจะไม่มีค่าเลยถ้าเราไม่ลงมือทำ เช่นเรื่องการขับรถยนต์ ถ้าเราคิดที่จะขับรถแต่ไม่เคยลองขับออกถนน ให้ตายยังไงก็ขับรถไม่ได้ ดังนั้นต้องขับบนถนนจริงๆถึงจะได้รู้ว่ามันยากจริงหรือไม่ ลองคิดถึงตอนที่เราหัดขับรถยนต์ออกถนนใหญ่ใหม่ๆ กลัวสารพัดว่าจะไปชนกับคนอื่น หรือคนอื่นจะมาชนเรา อาการตื่นเต้นมีกันทุกคน แต่พอเราขับบ่อยๆจนชินก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป เพียงแต่ว่าเราก็ต้องเห็นใจคนอื่นที่เค้าพึ่งเริ่มหัดขับรถยนต์ด้วยเช่นกัน เคยได้ยินคนบ่นรถคันหน้าว่า "ขับรถไม่เป็นรึไง ขับแบบนี้ไปจอดรถไว้ที่บ้านดีกว่ามั้ง" จนลืมมองตัวเองว่าตนเองก็เคยผิดพลาดแบบรถคันหน้าเหมือนกัน

ถ้าเรามัวแต่มาคิดว่าเราทำไม่ได้ เราก็จะทำไม่ได้อย่างที่เราคิด ลองปรับความคิดและทัศนคติว่า "เราต้องทำได้" เพียงแค่นี้ เรื่องยากๆก็สามารถทำให้เป็นเรื่องง่ายๆได้ บทพิสูจน์ไม่ต้องมองที่ไหนไกล วีดีโอข้างตนเป็นคำตอบที่เห็นชัดเจนที่สุด 



                                               "ความศรัทธานำมาซึ่งสิ่งมหัศจรรย์"


บทความน่าสนใจ

สร้างแรงบันดาลใจเป็นตัวเลข
==> http://pajareep.blogspot.com/2013/10/blog-post_28.html

บทเรียนจากแบบฝึกหัดเขียน
==> http://pajareep.blogspot.com/2013/10/blog-post_6.html

ลูกจะมีวินัยทางการเงินหรือไม่นั้นต้องเริ่มจากพ่อกับแม่
==> http://pajareep.blogspot.com/2013/08/blog-post_4.html

บัตรเครดิตที่เราต้องรู้
 ==> http://pajareep.blogspot.com/2013/07/blog-post.html

รู้อะไรไม่สู้ "รู้งี้" กับการวางแผนเกษียณ
==> http://pajareep.blogspot.com/2013/06/blog-post.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น